![]() |
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.)
กล่าวว่า ขณะนี้ทางกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)
มีแนวคิดที่จะนำเรื่องราวที่ดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยที่ผ่านมา
นำมาเผยแพร่สู่สถานศึกษา
และขับเคลื่อนสร้างความเข้าใจให้แก่นักเรียนไม่ว่าจะเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่างๆ
โครงการลูกเสือไทย
หรือประวัติศาสตร์ไทยที่จะนำเนื้อหามาบรรจุไว้ในการปรับปรุงหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พ.ศ.2551
สำหรับโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำรินั้นบางโครงการก็ไม่ได้ถูกบรรจุไว้ในหลักสูตร
เช่น โครงการแก้มลิงของรัชกาลที่ 9
เด็กมีความเข้าในถึงโครงการนี้อยู่จำนวนเท่าไหร่
และที่มาที่ไปของโครงการมีความเป็นมาอย่างไร
เพราะโครงดังกล่าวก็ไม่ได้มีการบรรจุไว้ในหลักสูตรเดิม เนื่องจากรัชกาลที่ 9
ไม่ใช่กษัตริย์นักรบแต่คือกษัตริย์นักพัฒนา
ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ควรจะถูกบันทึกไว้ในการเรียนประวัติศาสตร์ด้วย
เพราะถือเป็นพื้นฐานความสำเร็จการพัฒนาที่เกิดขึ้นต่อประเทศไทย
โดยขณะนี้คณะทำงานปรับหลักสูตรกำลังรวบรวมข้อมูลต่างๆว่าจะนำมาใส่ไว้ในวิชาสังคมศึกษาหรือไม่
“เรามีความจำเป็นที่ต้องบูรณาการหลักสูตรต่างๆ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคปัจจุบัน โดยรูปแบบการนำเสนอเรื่องราวต่างๆ ในห้องเรียนของครูผู้สอนจะต้องเปลี่ยนใหม่ ซึ่งไม่ใช่การสอนเพื่อให้เด็กมานั่งจดและท่องจำอย่างเดียว แต่ต้องกาสร้างเด็กและเยาวชนในอนาคตให้สัมผัสถึงโครงการเข้าใจพื้นฐานของประเทศไทยว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไรด้วย โดยมีใครที่ทำการสำรวจการพัฒนาจนถึงตอนนี้ประวัติศาสตร์ในอดีตได้สร้างอะไรไว้ให้แก่คนรุ่นหลังบ้าง เพื่อที่คนที่ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์จะได้มีความคิดไปในทิศทางเดียวกัน และต่อยอดไปสู่คนรุ่นต่อไป เนื่องจาก ศธ.ต้องการให้เด็กและเยาวชนรับรู้ข้อมูลประวัติศาสตร์ไทยอย่างครบถ้วนทุกด้าน และผมเชื่อมั่นว่าเด็กจะมีความภูมิใจในความเป็นไทยอย่างแน่นอน”รมว.ศธ.กล่าว นายณัฏฐพล กล่าวต่อว่า ปัจจุบันเราถือว่ามีข้อมูลอยู่พอสมควร
แต่การรวบรวมเพื่อนำเสนอในรูปแบบที่น่าสนใจนั้น
ตนได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)
ไปรวบรวมโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริด้านต่างๆ และประวัติศาสตร์ไทย
เพื่อวางแนวทางการเผยแพร่สู่สถานศึกษาทั่วประเทศแล้ว
และในการบูรณาการเรื่องหลักสูตรจะต้องให้ทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมดำเนินการ
รวมถึงยอมรับในความเป็นจริง เพราะ
ศธ.มีหน้าที่นำเสนอประวัติศาสตร์ที่เป็นข้อเท็จจริง
ก่อนหน้านี้ นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.)
ได้ออกมาเปิดเผยว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้
วธ.ประสานงานกับศธ.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพิจารณารายละเอียดปรับเนื้อหาของการจัดการเรียนการสอนด้านศาสนา
ศิลปะ วัฒนธรรม
และประวัติศาสตร์ของไทยเพื่อสร้างการรับรู้และเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับประวัติศาสตร์
ในระดับชั้นต่างๆ กลับมาอีกครั้ง ซึ่งเดิมเคยมีวิชานี้อยู่
แต่ภายหลังได้มีการปรับเรื่องของกลุ่มสาระวิชารวมกันให้อยู่ในวิชาสังคมศึกษา
ทำให้เด็กและเยาวชนอาจไม่ได้มีการเรียนรู้ประวัติศาสตร์เป็นการเฉพาะ
หรือรับรู้รายละเอียดเนื้อหา
จึงเห็นว่าควรให้แยกวิขาประวัติศาสตร์ออกจากวิชาสังคมศึกษา
เป็นวิชาประวัติศาสตร์โดยเฉพาะ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษา
มัธยมศึกษา และอุดมศึกษา
คาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการแล้วเสร็จภายในปีการศึกษาที่ 2 ของปี 2563
เพื่อให้ทันการใช้ในการเปิดภาคเรียนปีการศึกษาที่ 1 ของปี 2564 ทีมา : นสพ.ไทยโพสต์ |
โพสเมื่อ : 05 พ.ย. 63 อ่าน 1956 ครั้ง คำค้นหา : |