รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) กล่าว
ถึงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูว่า ในส่วนของหน่วยงานที่ตนกำกับดูแล อาทิ
สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.)
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
(ก.ค.ศ.)และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
(สช.)ได้ให้นโยบายไปว่าการรับรองเงินเดือนของผู้ใต้บังคับบัญชาที่จะนำไปใช้
ทำธุรกรรมต่าง ๆ ต้องรับรองตามความเป็นจริง
หากรับรองเท็จผู้บังคับบัญชาต้องรับผิดชอบด้วย
ส่วนเรื่องการค้ำประกันการกู้เงินที่เป็นปัญหาในปัจจุบัน คือ
การจับคู่ค้ำประกันกันเอง ซึ่งไม่ถูกต้อง
เพราะผู้ที่จะค้ำประกันได้จะต้องเครดิตดีและมีเงินเดือนสูงกว่าผู้กู้
ดังนั้น ตนจึงได้ให้นโยบายไปว่า ต่อไปคนที่จะค้ำประกันเงินกู้ให้ผู้อื่นได้ต้องมีเงินเดือนสูงกว่าผู้กู้ ซึ่ง
ในส่วนของโครงการสวัสดิการเงินกู้ฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากร
ทางการศึกษา(ช.พ.ค.)
คงต้องมีการปรับแก้ระเบียบการค้ำประกันที่ให้ผู้ค้ำต้องมีเงินเดือนสูงกว่า
ผู้กู้ด้วย รศ.นพ.กำจร กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ มอบให้ตนรับผิดชอบเรื่องการทำบัญชีครัวเรือนทั้งในระบบและนอกระบบการศึกษา นั้น ตนได้หารือกับ นายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) และ นายสุรพงษ์ จำจด เลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) แล้ว โดยในส่วนของ กศน.ให้สอดแทรกไว้ในทุกหลักสูตรการเรียนการสอน ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) นั้น ครูทุกคนต้องมีความรู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง โดยเริ่มต้นที่ต้องทำบัญชีครัวเรือนเป็นและนำไปใช้ได้ จากนั้นต้องเผยแพร่ต่อและสอนให้แก่นักเรียน โดยในภาคเรียนนี้ให้เริ่มเรียนรู้และให้ปฏิบัติจริงตั้งแต่ภาคเรียนหน้าเป็น ต้นไป.
|
โพสเมื่อ : 12 พ.ย. 58 อ่าน 1388 ครั้ง คำค้นหา : |