![]() |
“กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม จะเป็นกระทรวงต้นแบบของกระทรวงรูปแบบใหม่ที่มีความคล่องตัว ทำหน้าที่เป็นฝ่ายกำหนดนโยบาย ประสานและสนับสนุนให้สถาบันอุดมศึกษาผลิตและพัฒนางานวิจัย สร้างนวัตกรรม ตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ และนโยบายรัฐบาล ทั้งเป็นการปฏิรูปการอุดมศึกษาให้ทันกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง” เป้าหมายหลักของการจัดตั้งกระทรวงใหม่ จาก ศ.นพ.อุดม คชินทร รมช.ศึกษาธิการ ผู้ที่มีส่วนร่วมปลุกปั้นมาตั้งแต่ต้น ซึ่งสานต่อแนวทางการแยกสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ออกจากกระทรวงศึกษาธิการ โดยการผลักดันของมติที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (ทปอ.) จนเมื่อได้ก้าวเข้ามาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา การสานต่อจึงเป็นรูปเป็นร่าง โดยรวม กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วท.) เข้าไว้ด้วยกัน ![]() ล่าสุดสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้ผ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 10 ฉบับ เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับที่รัฐบาลได้จัดตั้ง คณะกรรมการขับเคลื่อนเพื่อการปฏิรูปการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เพื่อเดินหน้างานนี้ให้สำเร็จ โดยในส่วน สกอ.กำลังเร่งวางภารกิจ และกรอบอัตรากำลังให้สอดคล้องกับโครงสร้างใหม่ เพื่อรวมกับสำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เป็น สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษาฯ ส่วนมหาวิทยาลัยต่างๆ ได้แก่ มหาวิทยาลัยในกำกับรัฐ 25 แห่ง, มหาวิทยาลัยรัฐ 9 แห่ง, มหาวิทยาลัยราชภัฏ 38 แห่ง, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล 9 แห่ง, วิทยาลัยชุมชน 1 แห่ง ซึ่งกระทรวงใหม่จะส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยที่มีความพร้อมปรับสถานะไปเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับรัฐ ![]() หันมาทาง กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รศ.นพ.สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ซึ่งกำลังจะได้ชื่อว่าเป็นปลัด วท.คนสุดท้าย ระบุตอนหนึ่งว่า “เชื่อว่าทิศทางประเทศไทยหลังการเกิดขึ้นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จะดีขึ้น” พร้อมฉายภาพกรอบเวลา หรือไทม์ไลน์ (Timeline) สู่กระทรวงใหม่ ที่รวมเอากระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ, สกอ., สำนักงานวิจัยแห่งชาติ (วช.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (วช.) เข้าด้วยกันว่า “หลังกฎหมายประกาศในราชกิจจานุเบกษา 10 ฉบับในเดือน พ.ค.นี้ คณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการอุดมศึกษาฯ ต้องจัดโครงสร้างอัตรากำลังให้เสร็จภายใน 3 ปี โดยใช้เวลา 90 วันนับจากกฎหมายประกาศในราชกิจจาฯ หรือเดือน ก.ค.จัดทำกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ โอนบุคลากรตามโครงสร้าง จัดตั้งกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) จากนั้นอีก 90 วันหรือเดือน ต.ค.จะต้องมีการสรรหาและแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการ 4 ชุด คือ สภานโยบายการอุดมฯ คณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) คณะกรรมการอำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมฯ (สอวช.) และคณะกรรมการอำนวยการในคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ภายใน 180 วัน และอีก 90 วัน ประมาณเดือน ธ.ค.2562 ต้องแต่งตั้ง คณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.), คณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษา (กมอ.) และอีก 2 ปีคือประมาณเดือน เม.ย.2564 การจัดทำระเบียบข้อบังคับต่างๆเสร็จสิ้น ขณะที่ปี 2565 การเปลี่ยนผ่านสู่กระทรวงใหม่น่าจะแล้วเสร็จ” รศ.นพ.สรนิต กล่าว ![]() สำหรับการเปลี่ยนแปลงในกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ หน่วยงานแรกที่มีการปรับเปลี่ยนแล้ว คือ โครงการเมืองนวัตกรรมอาหาร หรือ ฟู้ดอินโนโพลิส ย้ายไปอยู่สังกัดของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวท.) ส่วนอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค จะต้องย้ายไป สวทช. ขณะที่ กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) หน่วยงานทางวิทยาศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยที่มีอายุ 128 ปี ต้องเปลี่ยนจากราชการไปเป็นองค์การมหาชนภายใน 3 ปี คือ ประมาณเดือน เม.ย.2565 โดยได้เปลี่ยนชื่อไปเป็น “สถาบันวิทยาศาสตร์บริการ” แล้ว ส่วน วช.จะต้องมีการประเมินประสิทธิภาพและผลการปฏิบัติราชการเมื่อครบ 3 ปี “กระทรวงใหม่จะนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ควอนตัมคอมพิวติ้ง เทคโนโลยีใหม่ที่จะพลิกโลกทั้งใบ จนถึงขั้นเปลี่ยนนิยายวิทยาศาสตร์ให้กลายเป็นความจริงได้มาใช้ประโยชน์ให้เกิดกับประเทศ และประชาชนหรือการใช้วิทยาศาสตร์ไปยกระดับขีดความสามารถทางเศรษฐกิจของประเทศ” ปลัด วท.ระบุ “ทีมการศึกษาและทีมข่าววิทยาศาสตร์” ขอฝากความหวังไว้กับคณะกรรมการขับเคลื่อนเพื่อการปฏิรูปการอุดมศึกษาฯ และรัฐบาลใหม่ เดินหน้าปฏิบัติภารกิจต่างๆให้สำเร็จตามแผนงานที่กำหนด เพื่อสานฝันประเทศไทย บนเวทีนานาชาติบนโลกดิจิทัลอย่างเต็มภาคภูมิ. ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ |
โพสเมื่อ : 02 เม.ย. 62 อ่าน 1637 ครั้ง คำค้นหา : |