ผอ.สศศ.เดินหน้าสร้างสถานศึกษาแห่งความสุข มุ่งสู่ความสำเร็จ
เมื่อวันที่ 1 ก.พ. นางภัทริยวรรณ พันธุ์น้อย ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ (สศศ.) เปิดเผยว่า ตามนโยบายของพล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ ที่ต้องการเดินหน้านโยบายเรียนดีมีความสุข เพื่อลดภาระครู นักเรียน และผู้ปกครองนั้น ในส่วนของสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ได้มีข้อสั่งการให้ สศศ.เดินหน้านโยบายเรียนดีมีความสุข และทำให้สถานศึกษาในสังกัดเป็นสถานศึกษาที่มีความสุขและมีประสิทธิภาพการจัดการเรียนให้เหมาะสมตามบริบทของพื้นที่ ซึ่งที่สำคัญผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องบริหารจัดการสถานศึกษาของตัวเองให้มีระเบียบเรียบร้อยด้วยความโปร่งใสและตรวจสอบได้
ผอ.สศศ.กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้สถานศึกษาในสังกัด สศศ. ตนได้มุ่งเป้าหมายหลักสำคัญ คือการสร้างโรงเรียนแห่งความสุขเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ ด้วยตัวตน คือ บ่อเกิดแห่งทรัพย์ รู้คุณค่าของตนเอง รักและภูมิใจใน ครอบครัว สังคม ประเทศชาติ ซึ่งจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ระบบบริหารจัดการองค์กร ตามอัตลักษณ์แห่งเรา ชาวการศึกษาพิเศษ บริหารเชิงพื้นที่ เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โรงเรียนดิจิทัล ภายใต้หลักธรรมาภิบาลผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ เป็นผู้นำวิชาการ ครูมีแรงบันดาลใจ มีความรู้ มีคุณธรรม และบุคลากรสนับสนุนเข้าใจธรรมชาติผู้เรียน นอกจากนี้ยังมีกระบวนการพัฒนาศักยภาพผู้เรียน ได้แก่ ครึ่งวันเรียนครึ่งวันรู้ เน้นหลักสูตรมีความยืดหยุ่นสอดคล้องธรรมชาติผู้เรียนและเรียนรู้อย่างมีความหมาย การวัดประเมินผล ยืดหยุ่นหลากหลาย อาชีพที่ใช่หัวใจที่ชอบ ทักษะชีวิตตามช่วงวัย ใช้หลักธรรมนำชีวิต มีระบบสนับสนุนการจัดการเรียนการสอน สภาพแวดล้อมห้องนอนอบอุ่น ห้องน้ำสะอาด อาหารมีคุณภาพ สนามเด็กเล่นสร้างปัญญาเสริมแรงบวกด้วยห้องเวทมนตร์ ระบบการเชื่อมต่อทางการศึกษา และเวทีนำเสนอผลงานของนักเรียน
นอกจากนี้สถานที่ใดในโรงเรียนที่อยากให้ปรับปรุงมากที่สุด ห้องน้ำ 96.92% ห้องเรียน 9.42% และโรงอาหาร 7.86% พร้อมสร้างเครือข่ายความร่วมมือทุกระดับ ตามนโยบายของ รมว.ศธ.ที่จับมือไว้ แล้วไปด้วยกัน ตั้งแต่ระดับโรงเรียน ระดับจังหวัด ระดับ สพฐ. ระดับกระทรวงศึกษาธิการ ผู้ปกครอง สถาบันการศึกษา ขุมชน สถานประกอบการ องค์กรวิชาชีพ โรงเรียนคู่พัฒนา โรงเรียนพี่โรงเรียนน้อง ไตรภาคี ทวิศึกษา โดยจะมีเป้าหมายหลักศูนย์การศึกษาพิเศษ ขับเคลื่อนผ่านอนุกรรมการส่งเสริมการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการระดับจังหวัด หน่วยบริการ จำนวน 681 แห่ง ศูนย์การเรียนสำหรับเด็กในโรงพยาบาล 77 จังหวัด 90 แห่ง ห้องเรียนคู่ขนาน 156 แห่ง/181 ห้องเรียน โรงเรียนเรียนรวม 21,747 แห่ง โรงเรียนเฉพาะความพิการ “Anywhere Anytime” สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ต่อยอดศักยภาพเด็กที่มีอยู่วิเคราะห์เด็กให้ออก และสร้างโอกาสทางการศึกษาด้วยเทคโนโลยี เด็กพิการต้องมีอาชีพ มีรายได้ ผ่านแนวคิด อาชีพที่ใช่หัวใจที่ชอบ จัดกระบวนการเรียนรู้ ให้เด็กได้เรียนทุกที่ทุกเวลา
ที่มา นสพ.เดลินิวส์
|
โพสเมื่อ :
02 ก.พ. 67
อ่าน 2457 ครั้ง คำค้นหา :
|
|