ปรับเกณฑ์ผู้กู้ กยศ.ใหม่ ผู้กู้เกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2.00
บอร์ด กยศ.
ปรับเกณฑ์ใหม่ ให้คัดกรองสถานศึกษาทุกระดับ แถมผูกติดผลประเมิน สมศ.
และมีโครงการจิตอาสาช่วยเหลือสังคม
ขณะที่ตัวผู้กู้สายสามัญต้องมีเกรดเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 2.00
ส่วนผู้กู้รายเก่าเลื่อนชั้นต้องได้เกรดเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 2.00
ในทุกภาคเรียนหนำซ้ำใน 1 ภาคเรียนต้องร่วมกิจกรรมอาสาไม่น้อยกว่า 18 ชม.
ขณะทีเด็กสายอาชีพรอดตัวไม่มีเกรดขั้นต่ำมากำหนด
ต้องการจูงใจเด็กเรียนสายอาชีพมากขึ้น
วันนี้ (2 ก.ย.) นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)
เปิดเผยว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
มีนโยบายเกี่ยวกับการปล่อยกู้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) นั้น
ให้เน้นกู้ให้ยาก จ่ายคืนง่าย
โดยในการประชุมคณะกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)
เมื่อเร็วๆ นี้
มีมติเห็นชอบกำหนดมาตรการการและปรับหลักเกณฑ์การให้กู้ยืมกองทุน กยศ.
ประกอบด้วย 1. หลักเกณฑ์การคัดกรองสถานศึกษา ที่จะจัดสรรเงิน กยศ.
ให้นักเรียนกู้ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)
ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ประกาศนียบัตรวิชาชีพเทคนิค
ต้องเปิดการเรียนการสอนมาแล้วอย่างน้อย 1 ปีการศึกษา
มีผลการรับรองคุณภาพจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพศึกษา (สมศ.)
และต้องมีโครงการที่มุ่งจิตอาสาที่มีประโยชน์ต่อสังคมและประเทศ
ส่วนระดับอนุปริญญาตรี และปริญญาตรี นอกจากจะต้องเปิดสอนมาอย่างน้อย 1
ปีการศึกษา และมีโครงการที่มุ่งจิตอาสา
แล้วหลักสูตรที่เปิดสอนต้องได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดม
ศึกษา ผ่านการประเมินของสกอ. ตลอดจนมีผลการรับรองจาก สมศ. ด้วย
นางสุทธศรี กล่าวต่อว่า 2.
หลักเกณฑ์การคัดกรองผู้กู้ยืมเงินในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายผู้ที่จะยื่นกู้
จะต้องมีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นไม่น้อยกว่า 2.00
ระดับ ปวช. ปวท. และ ปวส.
ไม่มีการกำหนดเงื่อนไขดังกล่าวเพราะต้องการส่งเสริมให้มีการเรียนสายอาชีพ
มากขึ้น ส่วนระดับอนุปริญญา/ปริญญาตรี
ต้องมีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายไม่น้อยกว่า 2.00
รวมทั้งต้องมีหลักฐานแสดงถึงการเข้าร่วมโครงการจิตอาสาด้วย
ส่วนผู้กู้รายเก่าที่จะเลื่อนชั้นปีหากจะกู้ต่อได้ต้องมีผลการเรียนเฉลี่ย
ไม่น้อยกว่า 2.00 เช่นกันทุกภาคเรียน
และยังต้องมีหลักฐานการเข้าร่วมโครงการจิตอาสาอย่างน้อย 1
กิจกรรมต่อภาคการศึกษา โดยต้องเข้าร่วมโครงการจิตอาสาไม่น้อยกว่า 18
ชั่วโมงต่อ 1 ภาคการศึกษา อย่างไรก็ตาม
ที่ผ่านมาในส่วนของผู้ที่กู้ยืมนั้นจะดูเฉพาะเรื่องรายได้เท่านั้นแต่ส่วน
อื่นไม่ได้กำหนด เช่น เรื่องผลการเรียนเฉลี่ยสะสม เป็นต้น
นอกจากนี้
ที่ประชุมยังได้เห็นชอบหลักเกณฑ์สัดส่วนวงเงินให้กู้ยืมแก่สถานศึกษา ไว้ 4
ส่วน อาทิ กำหนดสัดส่วนจำนวนผู้กู้ที่มาชำระหนี้คืนไว้ 40%
ซึ่งต่อไปหากสถานศึกษาใดมีการค้างชำระหนี้ของผู้กู้มากจะได้รับจัดสรรวงเงิน
ให้กู้ยืมน้อยลงด้วย
อีกทั้งยังได้กำหนดสัดส่วนจำนวนผู้กู้ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
ต่อสายอาชีพไว้ในสัดส่วน 50 : 50
และระดับอนุปริญญา/ปริญญาตรีสายวิทยาศาสตร์ต่อสายสังคมในสัดส่วน 50 : 50
เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม กยศ. จะเริ่มใช้หลักเกณฑ์ดังกล่าวในปีการศึกษา
2558 เป็นต้นไป
ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 กันยายน 2557 |
โพสเมื่อ :
03 ก.ย. 57
อ่าน 1483 ครั้ง คำค้นหา :
|
|