หวั่นพิษ ศก.ซ้ำเติม กสศ.รุกช่วยเด็กยากจน เสี่ยงหลุดนอกระบบการศึกษา
หวั่นพิษ ศก.ซ้ำ
กสศ.รุกช่วยเด็กยากจน เสี่ยงหลุดนอกระบบการศึกษา พร้อมจับมือ ครูสุเทพ
“ครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี” พัฒนาศูนย์เพิ่มทักษะอาชีพ
สร้างรายได้เสริม ไม่ต้องลาออกโรงเรียน พิษสถานการณ์ไวรัสโควิด-19
คนไทยได้รับผลกระทบนี้ไปทุกหย่อมหญ้า เสียงสะท้อนจากหลายพื้นที่พบว่า
ผลกระทบทางเศรษฐกิจนี้กำลังลุกลามทำให้บางครอบครัวที่ยากจนอยู่แล้ว
ต้องยอมให้บุตรหลานออกจากโรงเรียนมาช่วยทำงานเพื่อแบ่งเบาภาระครอบครัวอีกทางหนึ่ง
ไม่เว้นแม้แต่พื้นที่ ต.บาละ อ.กาบัง จ.ยะลา
ซึ่งมีเด็กนักเรียนจำนวนไม่น้อยที่ต้องออกจากระบบการศึกษาเพื่อไปรับจ้างทำงานใน
กทม. หรือเมืองใหญ่ๆ บ้างก็ไปเป็นยาม บ้างก็ไปทำงานร้านอาหาร
และมีจำนวนหนึ่งที่เดินทางออกไปทำงานในประเทศมาเลเซีย
ครูสุเทพ เท่งประกิจ
ครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ปี 2562 จากโรงเรียนบ้านคลองน้ำใส อ.กาบัง
จ.ยะลา ได้กล่าวถึงปัญหาของชุมชนว่า
“เด็กในโรงเรียนส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่มีฐานะยากจน
ผู้ปกครองมีอาชีพกรีดยาง ที่ดินก็ไม่มีเอกสารสิทธิ
และตอนนี้ราคายางตกลงมาเหลือแค่ 4 กิโลกรัม 100 บาท
ทำให้เด็กหลายคนแม้จะอยากเรียนต่อแต่ก็ต้องหยุดเรียนเพื่อออกไปช่วยที่บ้านทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว
แต่ครูเองก็พยายามติดตามตัวให้กลับมาเรียนหนังสือตามปกติ”
ถามว่า ทำอย่างไรที่จะช่วยเด็กกลุ่มนี้ได้? ครูสุเทพ
กล่าวว่า
หนึ่งในทางออกที่ครูสุเทพและเพื่อนครูในโรงเรียนพยายามหาทางแก้ไขปัญหาร่วมกันคือ
การสร้างรายได้ระหว่างเรียนให้กับเด็กนักเรียน
ตามความถนัดและความสนใจของแต่ละคน ทั้ง ตัดเย็บเสื้อผ้า ช่างเชื่อม ช่างไม้
เกษตรกรรม งานประดิษฐ์ ทำอาหาร ฯลฯ จึงนำมาสู่
“โครงการพัฒนาแหล่งเรียนรู้และสร้างแกนนำเพื่อการพัฒนาทักษะอาชีพสู่การมีงานทำ”
ซึ่งมีกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ กสศ. เข้ามาเป็น “ลมใต้ปีก”
สนับสนุนโครงการนี้ และด้วยการสนับสนุนจาก กสศ.
ทำให้โรงเรียนสามารถจัดหาวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับภาคปฏิบัติ
ทั้งจักรเย็บผ้า ตู้เชื่อม เครื่องตัดเหล็ก เครื่องตัดไม้ กบไฟฟ้า
และหินเจียร มาใช้ประกอบการฝึกทักษะ ครูสุเทพ ยังเล่าให้ฟังว่า
โครงการนี้เป็นการนำประสบการณ์ตรงในอดีตที่ครูเคยส่งเสียตัวเองเรียนจากการรับจ้างทำงานต่างๆ
ตั้งแต่ กวนปูน ก่ออิฐ ฉาบปูน เป็นช่างไม้
ทำให้มีทั้งรายได้และทักษะอาชีพติดตัวมาจนถึงปัจจุบัน
และทำให้สามารถใช้รายได้จากงานตรงนั้นมาเป็นค่าใช้จ่ายและค่าเล่าเรียนจนจบเป็นครูมาถึงทุกวันนี้
ถามว่า บทเรียนจริงที่ต้องเอามาใช้จริง โครงการฝึกทักษะอาชีพ
จะเป็นการฝึกแบบลงมือทำจริง และมีรายได้เกิดขึ้นจริงกับนักเรียนจริง เช่น
การตัดเย็บเสื้อผ้า ก็เริ่มจากงานง่ายๆ การตัดเย็บผ้าคลุมผม
ผ้าพันคอลูกเสือ ซึ่งเด็กๆ ก็ต้องใช้กันอยู่แล้วน่าจะตัดเย็บใช้เอง
ไปจนถึงกระเป๋าผ้าที่ปัจจุบันมีการรณรงค์ไม่ให้ใช้ถุงพลาสติก
ส่วนวิชาช่างเชื่อมปัจจุบันเด็กๆ สามารถทำชั้นวางรองเท้า โต๊ะ
โกลฟุตบอลรูหนูใช้เองได้แล้ว และเริ่มมีคนมาจ้างให้ผลิตของใช้ต่างๆ
ในชีวิตประจำวันเพิ่มขึ้น หรือช่างไม้ก็เริ่มสอนให้เด็กรู้จัก
ไปหาของที่มีอยู่ตามธรรมชาติ มาออกแบบเป็นข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน “ทั้งหมดเด็กจะได้ฝึกทักษะการวางแผนพรุ่งนี้จะทำอะไร
ต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง
ได้ทั้งการคิดและคำนวณว่าซื้อผ้ามาหนึ่งโหลเป็นต้นทุนกี่บาท
จะตัดได้กี่ชิ้น ผลต่างที่เป็นกำไรเท่าไร
ตรงนี้จะฝึกให้เขาได้รู้กระบวนการคิดต้นทุนการผลิต
ซึ่งในตำราเรียนยังไม่มีสอน และสุดท้ายเด็กๆ
ก็จะมีรายได้ย้อนกลับมาหาตัวเขาเองด้วย” ครูสุเทพ กล่าว "แม้เศรษฐกิจจะไม่ดี
แต่การศึกษาถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้มีทางเลือกในอนาคต
และมีหน้าที่การงานที่ดี
ดังนั้นสิ่งที่จะต้องปลูกฝังให้แก่เด็กนักเรียนคือแนวคิดที่เราจะสอนเขา" ครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ปี 2562 กล่าว
“น้องบิ๊ก - ซูฟัร แลฮา” นักเรียนชั้น ม.3
ของโรงเรียน เล่าให้ฟังระหว่างเชื่อมเหล็กเพื่อสร้างกรงนก ว่า
“ชอบงานด้านช่างเชื่อม โดยเริ่มเรียนตั้งแต่การออกแบบ การวัด การตัด
จนถึงการเชื่อม ซึ่งช่วงเริ่มต้นอาจลำบากหน่อย เช่น แช่นานไปก็เหล็กทะลุ
หรือเร็วไปเหล็กก็ไม่ติดกันต้องลองทำไปเรื่อยๆ ทุกวันนี้ชำนาญมากขึ้น
มีคนมาจ้างต่อกรงนกและกำลังจะทำไซดักปลาที่ออกแบบเอง
เมื่อมีรายได้ก็เอาไปซื้ออุปกรณ์การเรียนไม่ต้องรบกวนที่บ้าน ไม่ต่างจาก
อิบรอเหม อาบู นักเรียนชั้นเดียวกันจากที่เคยลองทำราวตากผ้าใช้เอง
ตอนนี้มีครูในโรงเรียนสนใจสั่งให้ทำให้หลายชุดแล้ว
และก่อนหน้านี้เคยทำชุดขาตั้งขวดน้ำขายไปได้หลายชุด
งานตรงนี้เป็นเรื่องสนุก ได้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ และช่วยให้มีรายได้
ซึ่งตั้งใจจะเก็บรายได้ไว้เป็นทุนการศึกษาในอนาคต เรียนหนักงานเบา เรียนเบางานหนัก ครูสุเทพ
อธิบายเพิ่มว่า แม้เศรษฐกิจจะยังไม่ฟื้นตัว
แต่การศึกษาถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้มีอนาคต มีหน้าที่การงานที่ดี
ดังนั้นสิ่งที่จะต้องปลูกฝังเด็กนักเรียนคือแนวคิดที่เราจะสอนเขาว่า
“หากเรียนหนักงานเบา เรียนเบางานหนัก” เช่น
เคยให้ลูกศิษย์ช่วยกันวิเคราะห์ว่า “หากลูกจบ ป.4 จะทำอาชีพอะไรได้บ้าง?”
เด็กๆ ก็จะบอกว่าเป็นพวกการเกษตร ตัดยาง เลี้ยงวัวควาย
แต่งานที่ก้าวหน้าขึ้นมาอย่างผู้ใหญ่บ้านก็เป็นไม่ได้ หรือจบ ม.3 ม.6
แล้วเป็นอะไรได้บ้าง?
ตรงนี้ทำให้เด็กเขาเห็นอนาคตตัวเองว่าหากอยากสบายในอนาคตก็ต้องตั้งใจในชั้นสูงขึ้นไป เมื่อเด็กมีเป้าหมายตั้งใจที่จะเรียนให้สูงๆ
แล้ว จากนี้ก็เป็นเรื่องที่เราต้องช่วยพัฒนาทักษะอาชีพให้เขามีงาน
มีรายได้พิเศษพอจะเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และค่าเล่าเรียนต่อในอนาคต
“ปัจจุบัน มีนักเรียนหลายคนที่สามารถช่วยงานรับเหมาก่อสร้าง
เช่น การสร้างอาคารในโรงเรียน ที่เด็กๆ ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการก่อสร้าง
ที่ทำให้นักเรียนได้เรียนรู้จากของจริง ลงมือทำจริงๆ อย่างก่ออิฐ ฉาบปูน
เราก็ภูมิใจว่าเขาสามารถทำงานตรงนี้ได้
เมื่อมีวิชาความรู้ตรงนี้ก็จะมีรายได้ บางคนจะได้ใช้เป็นทุนไปเรียนต่อ
บางคนหากไม่ได้เรียนต่อก็สามารถนำไปเป็นทุนประกอบอาชีพในอนาคตได้ จะเห็นว่าเด็กส่วนใหญ่ที่จบ
ม.3 จากโรงเรียนบ้านคลองน้ำใสไปเกือบทั้งหมดตั้งใจเรียนต่อ
บางคนไม่มีเงินก็จะไปรับทำงานจ้างหาเงินเรียนได้ด้วยตนเอง ทั้งกรีดยาง
ทำงานในร้านอาหาร เป็นงานพิเศษ จนสามารถเรียนต่อชั้น ม.6
และยังสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยทักษิณได้
ทั้งหมดเป็นสิ่งที่เราต้องแนะนำและสร้างโอกาสให้แก่พวกเขา
ซึ่งครูโรงเรียนอื่นๆ ก็สามารถทำได้ โดยดูตามความถนัด ความสนใจ
และบริบทของพื้นที่ตัวเอง” ครูสุเทพ กล่าวทิ้งท้าย
ดร.อุดม วงษ์สิงห์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาคุณภาพครู นักศึกษาครู
และสถานศึกษา กสศ. กล่าวว่า
“โครงการพัฒนาแหล่งเรียนรู้และสร้างแกนนำเพื่อการพัฒนาทักษะอาชีพสู่การมีงานทำ”
ของครูสุเทพ เท่งประกิจ” ครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ปี 2562
เป็นโครงการขยายผลจากการทำงานของครูที่ทำสร้างสมเป็นต้นทุนมา
ซึ่งโครงการนี้จะมุ่งเน้นการพัฒนาระบบการดูแลเด็กและเยาวชนด้อยโอกาสเพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาเป็นสำคัญ
การทำงานของครูสุเทพจึงมุ่งเน้นขยายผลให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ตลอดชีวิตแก่เด็กและเยาวชนด้อยโอกาสทั้งในโรงเรียนและชุมชน
เพราะนอกจากความรู้ที่ครูจะถ่ายทอดเพื่อให้มีความรู้ความสามารถในด้านวิชาการแล้ว
ทักษะการประกอบอาชีพได้ตามความถนัดและมีศักยภาพพอที่จะพึ่งพาตนเองในการดำรงชีวิตทั้งในปัจจุบันและอนาคตก็มีความสำคัญ.
ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ
|
โพสเมื่อ :
06 มี.ค. 63
อ่าน 1951 ครั้ง คำค้นหา :
|
|