อธิบดีพส. เคาะความผิดหลังสอบวินัย ผอ.ศูนย์ฯ ขอนแก่นโกงเงินแล้ว



อธิบดี พส.เคาะความผิด ผอ.ศูนย์ฯขอนแก่น โกงเงินแล้ว พร้อมเผยความคืบหน้าการตรวจสอบศูนย์ฯ อื่น เตรียมเพิ่มมาตรการอุดช่องโหว่ การเบิกจ่ายให้รัดกุมยิ่งขึ้น...

เมื่อวันที่ 24 ก.พ.2561 นางนภา เศรษฐกร อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการสอบวินัยของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดขอนแก่นว่า จากรายงานอย่างเป็นทางการของคณะกรรมการสอบวินัย พบว่าผอ.ศูนย์ฯ และเจ้าหน้าที่ 1 คน มีความผิดวินัยร้ายแรง และได้มีหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาถึงบุคคลทั้งสองไปแล้ว เมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งตามระเบียบหลังรับทราบข้อกล่าวหา จะมีเวลา 15 วันในการหาข้อมูลมาหักล้าง ซึ่งโทษสูงสุดของวินัยร้ายแรงคือ ไล่ออก หรือปลดออก

อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กล่าวต่อว่า ส่วนเจ้าหน้าที่อีก 2 คน นั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนเชิงลึกก่อนแจ้งข้อกล่าวหา ด้านการสอบวินัยศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดเชียงใหม่นั้น ยังไม่ได้รับรายงานผลสอบ ขณะที่ศูนย์ฯ บึงกาฬ อยู่ในระหว่างส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และล่าสุดที่ ป.ป.ท.ตรวจพบความไม่ชอบมาพากลที่ศูนย์ฯตราด ก็จะมีการส่งเจ้าหน้าที่ พส.ลงไปตรวจสอบด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามพบว่าศูนย์ฯ อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สิงห์บุรี สตูล ไม่มีปัญหาการเบิกจ่ายเงินสงเคราะห์

นางนภา กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พม.ได้เชิญผู้บริหารพม.ทุกกรมเข้าพบ เพื่อกำชับถึงการเบิกจ่ายเงินสงเคราะห์ให้เป็นไปอย่างรัดกุม และให้มีมาตรการป้องกันช่องโหว่ต่างๆ โดยรมว.พม.เสนอให้การเบิกจ่ายเงินในพื้นที่มีความรอบคอบมากยิ่งขึ้น โดยให้มีการพิจารณาจัดสรรเงินในรูปแบบคณะกรรมการ ซึ่งประกอบด้วยพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) และเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัดพม. ร่วมกันพิจารณาจัดสรรเงินให้กับกลุ่มเป้าหมายของพม.ทั้งหมด จากเดิมที่ดำเนินการกันเองภายในศูนย์ฯ นอกจากนี้ในส่วน พส.เองก็จะมีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาการจัดสรรเงินสงเคราะห์ลงไปในแต่ละศูนย์ฯ หลังจากที่ศูนย์ฯเสนอของบประมาณมา โดยคณะกรรมการดังกล่าวประกอบด้วย รองอธิบดีเป็นประธาน ผู้เชี่ยวชาญ หัวหน้าตรวจสอบภายใน และหัวหน้ากองที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการดำเนินการในรูปแบบคณะกรรมการจะเริ่มใช้ในการจัดสรรเงินงบประมาณปี 2561 งวดที่ 2 ประมาณเดือน เม.ย. นี้

อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กล่าวด้วย ทั้งนี้การจ่ายเงินสงเคราะห์ นอกจากจะจ่ายเป็นรายบุคคลแล้ว ยังสามารถจ่ายผ่านกลุ่มประกอบอาชีพ ซึ่งอาจจะมีช่องโหว่ เท่าที่ทราบ บางพื้นที่มีการจ่ายเป็นเงินก้อนผ่านตัวแทน เช่น อพม. อบต. ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาว่า เงินไม่ได้ไปถึงตัวบุคคล ดังนั้น ต่อไปจะต้องจ่ายเงินให้ถึงมือบุคคลตามรายชื่อที่ได้รับการพิจารณาเป็นรายๆ ไป แม้จะเสนอแบบขอรวมกลุ่มเข้ามาก็ตาม รวมถึงการจ่ายเงินในครั้งต่อไป หากเป็นไปได้ก็จะจ่ายผ่านบัญชีธนาคารหรือเช็คไปยังรายบุคคล ส่วนการจ่ายแบบเป็นเงินสดให้กับผู้อยู่ห่างไกล ก็จะต้องทำให้เห็นตัวเงินชัดเจนแบบไม่ใส่ซองและมีการบันทึกภาพไว้ทุกขั้นตอนระหว่างการมอบ ทั้งตัวเงิน ใบหน้าผู้รับและผู้ให้อีกด้วย.

ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ


โพสเมื่อ : 26 ก.พ. 61   อ่าน 1400 ครั้ง      คำค้นหา :