“กสทช.”เผย 3 บริษัทได้สิทธิเข้าประมูลดาวเทียม มั่นใจเคาะออก 3 ชุด ได้เงินเข้ารัฐ 800 ล้าน..



วันนี้ (10 ม.ค.) พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กรรมการ กสทช.) เปิดเผยว่า บอร์ด กสทช. ได้มีมติเห็นชอบผลการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ขอรับสิทธิในการเข้าใช้ วงโคจรดาวเทียมในลักษณะจัดชุด(แพคเกจ) จำนวน 3 ราย คือ บริษัท สเปซ เทค อินโนเวชั่น จำกัด (บริษัทลูกของไทยคม) บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือเอ็นที และ บริษัท พร้อม เทคนิคคอล เซอร์วิสเซส จำกัด ทำให้ทั้ง 3 บริษัท มีสิทธิที่จะเข้าร่วมประมูลในวันที่ 15 ม.ค.นี้ โดยจะมีการประมูลสาธิต ให้ผู้เข้าร่วมประมูลในวันที่ 14 ม.ค. ที่ สำนักงาน กสทช.   

สำหรับการประมูลครั้งนี้ ใช้วิธี Sequential Ascending Clock Auction โดยผู้เข้าร่วมประมูลจะต้องตัดสินใจตามระยะเวลา ที่กำหนดในแต่ละรอบ (20 นาที) ด้วยการเคาะซึ่งจะทำให้ราคาสูงขึ้นครั้งละ 5% ของราคาขั้นต่ำ โดยผู้ชนะ คือ ผู้ให้ราคาสุดท้ายสูงสุด อย่างไรก็ตามผู้เข้าร่วมประมูลจะไม่ทราบว่าผู้ร่วมแข่งขันรายใด ต้องการสิทธิวงโคจรชุดใด และมีความต้องการกี่ชุด รวมทั้งลำดับชุดในการการประมูลนั้น กสทช.จะกำหนดลำดับในวันประมูล เพื่อป้องกันการสมยอมกันระหว่างผู้เข้าร่วมประมูล ซึ่งจะทำให้เกิดการแข่งขันที่โปร่งใสและเป็นธรรมมากที่สุด โดยใบอนุญาตมีระยะเวลา 20 ปี...




“การตรวจสอบคุณสมบัติ ได้พิจารณาคุณสมบัติ ประสบการณ์ และการเงิน โดยในส่วนของ สเปซ เทค และ เอ็นที ก็อยู่ในธุรกิจอยู่แล้ว ส่วน พร้อม เทคนิคคอลฯ นั้นเคยมีประสบการณ์ ในการรับจ้างติดตั้งระบบดาวเทียมของแท่น ชุดเจาะน้ำมันโดยทั้ง 3 ราย มีสถาบันการเงินยืนยันสนับสนุนการเงิน ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ตามเงื่อนไข ว่าจะไม่ถอนกาสนับสนุนตลอดโครงการ จนถึงการส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศ”

พล.อ.ท.ธนพันธุ์ กล่าวต่อว่า สำหรับดาวเทียมที่ประมูลประกอบไปด้วย 5 ชุด ได้แก่ ชุดที่ 1 วงโคจร 50.5 อี (องศาตะวันออก) และวงโคจร 51 อี เป็นวงโคจรที่พร้อมใช้งาน ทำตลาดในประเทศแถบอาหรับ ราคาเริ่มต้น 374 ล้านบาทเศษ ชุดที่ 2 วงโคจร 78.5 อี มีความน่าสนใจตรงที่เป็นวงโคจรที่ให้บริการอยู่ในประเทศไทย เหมาะกับกลุ่มคนที่ทำตลาดในเมืองไทย ราคาเริ่มต้น 360 ล้านบาทเศษ ชุดที่ 3 ประกอบด้วย วงโคจร 119.5 อี และวงโคจร 120 อี ใช้สำหรับการให้บริการบรอดแบนด์ ราคาเริ่มต้น 397 ล้านบาทเศษ ชุดที่ 4 วงโคจร 126 อี ราคาเริ่มต้น 8 ล้านบาทเศษ และชุดที่ 5 วงโคจร 142 อี ราคาเริ่มต้น 189 ล้านบาทเศษ โคจรอยู่แถบแปซิฟิก เหมาะกับบริการดาวเทียมสำหรับเรือ โดย กสทช. คาดหมายว่าจะประมูลได้อย่างน้อย 3 ชุดที่เอกชนสนใจ คือ ชุดที่ 2 ชุด 3 และ ชุด 4 และจะได้เงินเข้ารัฐอย่างน้อย 800 ล้านบาท.

“การประมูลครั้งนี้แม้จะมีผู้ยืนคัดค้าน แต่ยืนยัน กสทช .ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ ที่รัฐต้องรักษาไว้ ซึ่งคลื่นความถี่ และสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมอันเป็นสมบัติของชาติ เพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน ซึ่งสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมที่นำมาประมูลในครั้งนี้ เป็นสิทธิที่ประเทศไทยมีอยู่เดิม และมีลักษณะการให้บริการในเชิงพาณิชย์ จึงได้ใช้วิธีการประมูล ซึ่งเป็นวิธีที่มีความโปร่งใส เป็นธรรม และเป็นกลไกในการจัดสรรทรัพยากรให้เกิดความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุด ซึ่งหากยกเลิกการประมูลและให้เอ็นที เป็นผู้ดำเนินการแต่เพียงผู้เดียว จะส่งผลกระทบ ขาดความต่อเนื่อง และอาจถูกเพิกถอนสิทธิจากสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ หรือ ไอทียู ได้ กรณีที่ไม่สามารถส่งดาวเทียมได้จริง และไม่มีการแข่งขัน กลับไปสู่การผูกขาด และขัดกับกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 75 วรรค 2 ที่บัญญัติให้ รัฐต้องไม่ประกอบกิจการที่มีลักษณะเป็นการแข่งขันกับเอกชน เว้นแต่กรณีที่มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงของรัฐหรือการจัดทำบริการสาธารณะ” 

อย่างไรก็ตาม การประมูลครั้งนี้ กสทช.ได้คำนึงถึงประโยชน์สาธารณะ เช่นกัน โดย การกำหนดให้ผู้ชนะการประมูลต้องมีหน้าที่จัดช่องสัญญาณสำหรับการให้บริการสาธารณะและประโยชน์ของรัฐโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายในแต่ละชุดของข่ายงานดาวเทียมจำนวน 1 transponder กรณีดาวเทียม broadcast และจำนวน 400 Mbps กรณีดาวเทียม broadband ซึ่งหากเทียบกับสัมปทานเดิม รัฐได้รับทั้งหมดเพียง 1 transponder เท่านั้น ไม่ว่าจะมีดาวเทียมกี่ดวงก็ตาม รวมทั้งในชุดที่ 3 ยังเปิดโอกาสให้รัฐสามารถตั้งสถานีควบคุมบริหารจัดการดาวเทียมในส่วนที่รัฐรับผิดชอบได้ เป็นต้น...


สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/1878392/


โพสเมื่อ : 11 ม.ค. 66   อ่าน 671 ครั้ง      คำค้นหา :