สมศ.กับความรับผิดชอบ
เลาะเลียบคลองผดุงฯ
ตุลย์ ณ ราชดำเนิน [email protected]
เมื่อต้นสัปดาห์ ในงานประชุมวิชาการนานาชาติการประกันคุณภาพการศึกษา
สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) สรุปถึงผลงานในรอบ
14 ปีผ่านมา ที่ได้ออกไปประเมินคุณภาพสถานศึกษาทุกแห่งในประเทศ
ตั้งแต่รอบแรกจนถึงรอบสาม ช่วงปี 2544-2557 พบว่า
การพัฒนาคุณภาพการศึกษายังไม่ดีขึ้น เหตุจากปัจจัยสำคัญ
มีตั้งแต่การทำประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาที่ยังไม่ เข้มแข็ง
บุคลากรส่วนใหญ่ขาดความรู้ความไม่เข้าใจ
ทำงานแบบไม่บันทึกเก็บข้อมูลให้เป็นระบบ ปัญหาเดิมๆ ยังไม่มีการแก้ไข
จึงทำให้การประกันคุณภาพทั้งหมดไม่ก้าวหน้า
น่าแปลกใจไหมว่า 14 ปีที่ผ่านมา ทำไมเสียงบ่นรำพึงรำพัน
โยนเรื่องในทำนองดังกล่าวของบรรดาผู้บริหาร สมศ.ยังคงอยู่คู่การศึกษาไทย
ยังไม่หายไปสักที ทั้งๆ ที่รู้ว่าปัญหานั้นอยู่ตรงไหน
คราวนี้มีการโยงไปถึงการโยกย้ายผู้บริหารหรือครู
และสถานศึกษาเองไม่พยายามสร้างคุณภาพในเชิงระบบก็เป็นสาเหตุ
ทำให้คุณภาพไปผูกติดกับตัวบุคคล
ฟังแล้วมึนตึ้บกับการโยนความล้มเหลวให้พ้นตัว
ทุกอย่างหวังผลตามเกณฑ์ของตัวเอง โดยไม่เข้าถึงองค์บริบทของโรงเรียนจริงๆ
ในแต่ละแห่งว่าเป็นเช่นไร
สอดรับกับสรุปผลวิจัยการประเมินบริบทการทำหน้าที่ของสมศ.
ที่คณะกรรมการล้วนมาจากคนภายนอก ระบุชัดว่า ผลการตรวจสอบของสมศ.
ที่ผ่านมาไม่สามารถสะท้อนคุณภาพการศึกษาได้อย่างแท้จริง
โดยเฉพาะเรื่องการกำหนดตัวบ่งชี้ในการประเมิน ตรงกับหลายฝ่ายที่เห็นว่า
ล้วนเป็นปัญหา
แม้จะมีความเห็นว่า การประกันคุณภาพการศึกษาภายนอก
ยังมีความจำเป็นและเป็นความสำคัญเพื่อดูแลเรื่องการศึกษา
แต่ควรจะเปลี่ยนตัวบุคคลหน่วยงานที่ประเมิน
หรือปรับปรุงวิธีการทำงานของสมศ.เสียใหม่
นี่กำลังจะเข้าสู่การประเมินรอบ 4 ในปี 2558
ที่สมศ.ยังคงเอาหลังพิงพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ
เตรียมเดินหน้าประเมินสถานศึกษาจำนวนหนึ่งให้ครบรอบการประเมิน
โดยไม่สนใจกับเสียงท้วงติงรอบข้าง
หรือแม้ข้อเสนอแนะอันเป็นคุณประโยชน์โดยรวม พลันให้นึกถึง นายคิม ซุงฮูน
ผอ.สถาบันหลักสูตรและการประเมินผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัยทั่วประเทศ
ของเกาหลีใต้ แค่มีคำถามในข้อสอบผิดพลาดอยู่ 2 คำถาม เท่านั้น
เขายังละอายใจด้วยการแสดงความรับผิดชอบขอลาออกโดยไม่ขอแก้ตัว นับเป็นผอ.คนที่ 3 ที่ลาออก
ที่มา ข่าวสดออนไลน์ วันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2557