“สมมาตร” โผล่ร่วมชิงดำเลขาฯ สกสค.

“สมศักดิ์-พิษณุ” มีชื่อเข้ารับสรรหาตามคาด “ชัยพฤกษ์” ยันไม่ล็อกสเปก

เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการคุรุสภา และคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ได้ประกาศรับสมัครบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหาและแต่งตั้งเป็นเลขาธิการคุรุสภา และเลขาธิการ สกสค. ระหว่างวันที่ 2-16 พ.ค.2560 โดยเลือกใช้หลักเกณฑ์ให้กรรมการบอร์ดคุรุสภา และบอร์ด สกสค.เป็นผู้เสนอรายชื่อนั้น โดยในส่วนของเลขาธิการคุรุสภามีผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ จำนวน 3 ราย ดังนี้ ดร.สมศักดิ์ ดลประสิทธิ์ รองเลขาธิการสภาการศึกษา ดร.กมล ศิริบรรณ อดีตรองปลัด ศธ. และนายเพิ่ม หลวงแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนหนองเรือ จ.ขอนแก่น ขณะที่เลขาธิการ สกสค.มีผู้ได้รับการเสนอชื่อ 4 ราย คือ ดร.พิษณุ ตุลสุข รองปลัด ศธ. ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. นางผานิตย์ มีสุนทร รองปลัด ศธ.นายสันติ รุ่งสมัย อดีตผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) เพชรบุรี เขต 2 และนายสมมาตร มีศิลป์ อดีตผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค.

ปลัด ศธ. กล่าวอีกว่า สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้คณะกรรมการกลั่นกรองและคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคุรุสภา และเลขาธิการ สกสค. ซึ่งมีตนเป็นประธาน จะดำเนินการพิจารณาประวัติ ผลงานและวิสัยทัศน์ของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อตามเอกสารที่เสนอมา จากนั้นจะนำเสนอชื่อให้บอร์ดคุรุสภาและบอร์ด สกสค.พิจารณาคัดเลือกผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการคุรุสภา และเลขาธิการ สกสค.ภายในเดือน พ.ค.นี้ โดยมีเงื่อนไขว่าให้เสนอรายชื่อได้ไม่เกิน 3 คน ส่วนจะเสนอให้บอร์ดพิจารณาคัดเลือกครบทั้ง 3 คนหรือไม่นั้น ให้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของคณะกรรมการกลั่นกรอง ทั้งนี้ หากผู้ที่ได้รับการสรรหายังคงเป็นผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นข้าราชการจะต้องลาออกจากราชการก่อนที่จะมีการแต่งตั้ง เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้เต็มเวลา ส่วนที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีการล็อกสเปกโดยวางตัวคนที่จะดำรงตำแหน่งไว้แล้วนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่มีการล็อกสเปกอย่างแน่นอน เพราะสเปกที่กำหนดไว้มีการเปิดกว้างตามกฏหมายของทั้ง 2 หน่วยงาน ซึ่งคณะกรรมการกลั่นกรอง ก็จะพิจารณากลั่นกรองคนให้ดีที่สุด และในการลงมติคัดเลือกผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งก็เป็นการลงคะแนนลับ ดังนั้นมั่นใจได้ว่าไม่มีการจัดวางตัวบุคคลไว้ล่วงหน้าอย่างที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแน่นอน.

ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ