“หมออุดม” ลั่น 1 ปีผุดกระทรวงอุดมศึกษา



จี้มหาวิทยาลัยเปิดช่องเรียนข้ามคณะ จัดหลักสูตรรับผู้สูงอายุทำงาน

ศ.นพ.อุดม คชินทร รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยถึงนโยบายที่อยากผลักดันให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมในช่วง 1 ปีที่ดำรงตำแหน่ง รมช.ศึกษาธิการว่า อย่างแรกคือ ผลักดันให้เกิดกระทรวงการอุดมศึกษา ซึ่งได้หารือกับคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษาที่มี ศ.นพ.จรัส สุวรรณเวลา เป็นประธานเรียบร้อยแล้ว รายละเอียดต่างๆที่ได้รับข้อเสนอมา ทางคณะทำงานเตรียมการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษาซึ่งตนเป็นประธานได้ปรับปรุงรายละเอียดค่อนข้างเรียบร้อย คาดว่าจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการอิสระฯ ในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ หากคณะกรรมการอิสระฯให้ความเห็นชอบจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา

เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาเพราะเป็นนโยบายของรัฐบาล จากนั้นก็นำเข้าสู่กระบวนการนิติบัญญัติ คาดว่าใช้เวลา 8-9 เดือน ก็จะมีผลบังคับใช้และเกิดเป็นกระทรวงการอุดมศึกษา ซึ่งต้องเร่งดำเนินการให้เสร็จก่อนการเลือกตั้ง ทั้งนี้ กระทรวงการอุดมศึกษาจะเป็นหน่วยงานสำคัญในการวางแผนผลิตกำลังคนที่ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ นอกจากนี้ ยังต้องเดินหน้าการปฏิรูปการศึกษา ระยะเร่งด่วน ตนจะไปทำความเข้าใจกับทุกมหาวิทยาลัยในเรื่องการจัดการเรียนการสอนที่ต้องเปลี่ยนแปลง เพราะปัจจุบันอัตราการเกิดน้อยลง การเรียนเพียงศาสตร์เดียวไม่เพียงพอ จึงอยากให้มหาวิทยาลัยปรับรูปแบบการเรียนการสอนโดยเปิดช่องให้นักศึกษาสามารถเรียนข้ามสาขา/คณะได้ เช่น วิศวกรรมศาสตร์ สามารถเลือกเรียนบริหารหรือนิติศาสตร์ได้ เพื่อให้มีความรู้รอบด้าน

รวมทั้งอยากให้มหาวิทยาลัยจัดทำหลักสูตรรองรับผู้สูงอายุ เพราะอีกประมาณ 13 ปีจำนวนผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้น 25% ของจำนวนประชากรทั้งหมด มหาวิทยาลัยต้องรองรับเปิดหลักสูตรให้ผู้สูงอายุได้เรียนและจบออกไปทำงานอย่างมีคุณภาพ รวมทั้งต้องปลดล็อกระเบียบการจำกัดอายุผู้เรียนที่ส่วนใหญ่กำหนดรับผู้เรียนปริญญาตรีไม่เกิน 35 ปี เรื่องเหล่านี้เป็นอำนาจของสภามหาวิทยาลัยดำเนินการได้ทันที

รมช.ศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่านอกจากเรื่องอุดมศึกษาแล้ว ตนยังได้รับมอบหมายให้ลงไปแก้ปัญหาระบบอินเตอร์เน็ตในโรงเรียนกว่า 3 หมื่นโรงให้สามารถใช้ประกอบการเรียนการสอนได้อย่างราบรื่น เพราะที่ผ่านมาพบว่าใช้งานได้ดีเพียงไม่กี่แห่ง โดยในการประชุม ครม.สัญจร วันที่ 25-26 ธ.ค. ตนจะลงพื้นที่ไปดูปัญหาการใช้งานอินเตอร์เน็ตที่เกิดขึ้นในโรงเรียนที่ จ.พิษณุโลก ก่อน.

ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ


โพสเมื่อ : 06 ธ.ค. 60   อ่าน 1356 ครั้ง      คำค้นหา :