ปรับหลักสูตรบังคับม.3 ฝึกประสบการณ์วิชาชีพ

วันนี้ ( 3 พ.ค.) ดร.กมล รอดคล้าย เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ในฐานะโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมผู้บริหารระดับสูงของ ศธ.เมื่อเร็วๆนี้ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีห่วงเรื่อการพัฒนาครู เนื่องจากนายกฯได้รับทราบข้อมูลว่าประเทศสิงคโปร์มีสถาบันผลิตครูแห่งเดียว และมีมาตรฐานการผลิตครูแบบเดียว รวมถึงการอบรมพัฒนาครูจะเหมือนกันทั้งประเทศ จึงอยากให้ประเทศไทยทำมาตรฐานเดียวแบบสิงคโปร์ในลักษณะนี้ได้หรือไม่ ซึ่ง รมว.ศึกษาธิการ ได้มอบให้สำนักงานเลขาธิการคุรุสภารับไปดำเนินการ โดยที่ผ่านมาคุรุสภาได้เตรียมจัดทำมาตรฐานครูของประเทศไทยไว้แล้ว ดังนั้น คุรุสภาจะเร่งดำเนินการจัดทำมาตรฐานดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน และเมื่อจัดทำมาตรฐานครูเสร็จคุรุสภาจะส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ไปดำเนินการ เพื่อให้มหาวิทยาลัยที่ผลิตครูต้องจัดการเรียนการสอนตามมาตรฐานที่คุรุสภากำหนด เนื่องจากที่ผ่านมาต่างคนต่างทำกันเอง

โฆษก ศธ. กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้นายกฯยังพบว่า ในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของประเทศสิงคโปร์ นั้น เด็กจะรู้จักเส้นทางการเรียนตั้งแต่เด็ก คือ เด็กจะรู้ว่าในอนาคตตัวเองจะเลือกตามความถนัดในระดับอุดมศึกษาหรือสายอาชีพ เนื่องจากประเทศสิงคโปร์มีระบบบังคับการเลือกเรียนให้แก่เด็ก แต่ประเทศไทยคงไม่สามารถใช้ระบบการบังคับแบบนั้นได้ ที่ประชุมจึงมอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) คิดกระบวนการให้เด็กรู้เรื่องเส้นทางอนาคตของตัวเองตั้งแต่เด็ก โดยมีแนวทาง 4 รูปแบบ ได้แก่

1.การจัดระบบแนะแนว

2.จัดทำหลักสูตรเสริมให้เด็กที่เรียนระดับชั้นม.3 ออกไปฝึกประสบการณ์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ในสถานประกอบการเช่น โรงพยาบาล โรงงาน สถานีตำรวจ ตามที่เด็กสนใจ เป็นต้น เพื่อให้เด็กรู้ความต้องการของตัวเองว่ามีความถนัดแบบไหนชอบหรือไม่ชอบ และหลักสูตรนี้ต้องเป็นหลักสูตรบังคับด้วย

3.มีระบบเสริมอาชีพในโรงเรียน เช่น การทำโรงเรียนกีฬา โรงเรียนดนตรี และ

4.ขอให้โรงเรียนขยายโอกาสเพิ่มการสอนอาชีพให้มากขึ้น

ทั้งนี้ หลักสูตรบังคับฝึกประสบการณ์วิชาชีพของเด็กม.3 นั้น จะเริ่มดำเนินการทันทีในภาคเรียนที่ 2/2560

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจากเดลินิวส์ วันพุธที่ 3 พฤษภาคม 2560 เวลา 09.52 น.