ศูนย์การเรียนรู้ "Geriatric Academy" ต่อยอดโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ : รักษากาย-ใจผู้สูงอายุ



พญ.เลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง - พระเทพประสิทธิมนต์

ปี 2564 ประเทศไทยจะเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์

ผลจากการคาดการณ์ของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พบว่าจำนวนผู้สูงอายุในประเทศกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

โดย สสส. ระบุถึงข้อมูลสถานการณ์ผู้สูงอายุในประเทศไทยสำรวจล่าสุดเมื่อปี 2559 พบจำนวนผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปสูงถึง 10.9 ล้านคน หรือร้อยละ 16 ของประชากรทั้งหมด

และเมื่อดูข้อมูลที่ องค์การสหประชาชาติ (UN) ให้คำนิยามของสังคมผู้สูงอายุไว้ 3 ระดับ คือ

ระดับการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging society) เป็นสังคมที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 10 ของประชากรทั้งประเทศ หรือมีประชากรอายุตั้งแต่ 65 ปี มากกว่าร้อยละ 7 ของประชากรทั้งประเทศ

ระดับสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged society) เป็นสังคมที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศ หรือมีประชากรอายุตั้งแต่ 65 ปี มากกว่าร้อยละ 14 ของประชากรทั้งประเทศ

และ ระดับสังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มที่ (Super aged society) เป็นสังคมหรือประเทศที่มีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศ

ยิ่งทำให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นว่า ประเทศไทยได้ก้าวผ่านสังคมผู้สูงอายุ และกำลังไปสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์

จึงเป็นเหตุให้หลายหน่วยงานโดยเฉพาะหน่วยงานทางด้านสาธารณสุข รวมทั้งสังคม เศรษฐกิจ ต้องเตรียมแผนยุทธศาสตร์เพื่อรับมือกับสถานการณ์สังคมผู้สูงอายุของไทย

เพราะแน่นอนว่าเมื่อคนเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ ความแข็งแรงของร่างกาย สุขภาพ ย่อมต้องค่อยๆเสื่อมถอยลงเป็นเรื่องธรรมดา และผลที่ตามมาคือ การเจ็บป่วยจากโรคภัยต่างๆ

รพ.ราชพิพัฒน์ ถนนพุทธมณฑลสาย 3 เขตบางแค โรงพยาบาลสังกัดสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานด้านสาธารณสุข ที่นำเรื่องการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุมาเป็นนโยบายหลัก เพื่อเตรียมพร้อมรับสังคมผู้สูงอายุ

พญ.เลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง ผอ.รพ.ราชพิพัฒน์ กล่าวว่า รพ.ราชพิพัฒน์ สร้างขึ้นโดย พระเทพประสิทธิมนต์ (โกศล มหาวีโร) เจ้าอาวาสวัดศรีสุดาราม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งขณะที่ก่อสร้างเมื่อปี 2539 ท่านดำรงสมณศักดิ์ที่ พระราชพิพัฒน์โกศล เปิดให้บริการประชาชนเมื่อวันที่ 9 เม.ย.2542 ในส่วนของการดำเนินงานด้านผู้สูงอายุนั้น เป็นนโยบายหลักของโรงพยาบาล เพราะเห็นว่าประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว จึงเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2557 ในรูปแบบของคลินิกผู้สูงอายุ และพัฒนาเป็นศูนย์การเรียนรู้เพื่อผู้สูงอายุ “Geriatric Academy”

เมื่อปี 2560 โดยใช้ทีมสหสาขาวิชาชีพเข้ามาดูแลประกอบด้วย แพทย์อายุรศาสตร์ เวชศาสตร์ป้องกัน เวชศาสตร์ฟื้นฟู จิตแพทย์ ศัลยกรรมกระดูก นักจิตวิทยา นักกายภาพบำบัด นักสังคมสงเคราะห์ นักโภชนาการ ทั้งยังเปิดหอผู้ป่วยชีวาภิบาล ดูแลผู้ป่วยผู้สูงอายุที่เป็นโรคเรื้อรังระยะสุดท้ายด้วย

“การดูแลผู้ป่วยผู้สูงอายุจะไม่เพียงรักษาอาการเจ็บป่วยเท่านั้น แต่ยังนำศาสตร์ด้านจิตใจ อารมณ์มาช่วย ทั้งยังจะมีการสอนญาติผู้ป่วยเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับญาติ ให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ และจากการดำเนินการแบบครบวงจรนี้ส่งผลให้สำนักการแพทย์ ยกให้ รพ.ราชพิพัฒน์ เป็นต้นแบบของโรงพยาบาลสังกัด กทม. ในการดูแลผู้ป่วยผู้สูงอายุ และต่อไปจะมีการขยายศูนย์การเรียนรู้ผู้สูงอายุฯ ไปยังอาคารแห่งใหม่ ซึ่งได้รับความเมตตาจาก พระเทพประสิทธิมนต์ จะดำเนินการสร้างให้ เพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้ผู้สูงอายุ ที่เต็มรูปแบบต่อไป” ผอ.รพ.ราชพิพัฒน์ กล่าวย้ำถึงแนวทางในการดูแลผู้ป่วยสูงอายุ จนนำไปสู่การยกให้เป็นต้นแบบของโรงพยาบาลในสังกัด กทม.

ขณะที่ พระเทพ-ประสิทธิมนต์ เจ้าอาวาสวัดศรีสุดาราม ที่ปรึกษาเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมว่า ศูนย์การเรียนรู้เพื่อผู้สูงอายุ รพ.ราชพิพัฒน์ แห่งใหม่ จะสร้างขึ้นบนพื้นที่ 5ไร่ บริเวณถนนเลียบคลองปทุม เขตทวีวัฒนา กทม. ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีพุทธศาสนิกชนบริจาคมา และจะเปิดให้ผู้ที่สนใจร่วมบริจาคสมทบทุนในการจัดสร้างศูนย์การเรียนรู้เพื่อผู้สูงอายุด้วย โดยผู้ที่ร่วมบริจาคจะได้รับ “เหรียญทรงงาน” ไปเป็นที่ระลึก ซึ่งด้านหน้าของเหรียญเป็น พระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมิพลอดุลยเดชขณะทรงงาน ด้านหลังเป็นตราสัญลักษณ์เฉลิมพระเกียรติพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 5 ธันวาคม 2542 ผู้ที่สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่โทร.09-0678-6500, 08-1833-3353, 08-1527-6524

นับเป็นอีกหนึ่งโรงพยาบาล ที่ “ทีมข่าวสาธารณสุข” มองว่า มีการเตรียมความพร้อมรองรับสังคมผู้สูงอายุได้อย่างเต็มรูปแบบและครบวงจร จนได้รับการยกให้เป็นต้นแบบของโรงพยาบาลในสังกัด กทม.

สำคัญที่สุดคือ นอกจากจะมีการดูแลอาการผู้ป่วยที่สูงอายุแล้ว ยังมีการดูแลใส่ใจไปถึงอารมณ์ จิตใจของผู้ป่วย รวมไปถึงญาติของผู้ป่วย ให้ได้เรียนรู้ถึงวิธีการดูแล เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถกลับบ้านไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

เพราะท้ายที่สุดแล้วการได้กลับบ้าน ใช้ชีวิตช่วงบั้นปลายอยู่กับลูกกับหลานเป็นความสุขที่ยากจะหาอะไรมาเทียบได้ของผู้สูงอายุทุกคน...

ทีมข่าวสาธารณสุข


ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ


โพสเมื่อ : 30 ม.ค. 61   อ่าน 1446 ครั้ง      คำค้นหา :