ระดมกึ๋นชงแก้ พ.ร.บ.สถาบันอุดมฯ เอกชน

ผศ.ดร.จันทร์จิรา วงษ์ขมทอง อธิการบดีมหาวิทยาลัยคริสเตียน ในฐานะนายกสมาคมผู้ได้รับเลือกของสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชน (สสอท.) เปิดเผยว่า จากปัญหาจำนวนประชากรเกิดใหม่ของไทยลดลง ส่งผลต่อจำนวนผู้เรียนระดับประถม มัธยม จนถึงอุดมศึกษา ซึ่งทำให้สถาบันอุดมศึกษาเอกชนมีผู้เข้าเรียนน้อยลงเรื่อยๆ และ ปิดการเรียนการสอนไปแล้ว 2 แห่ง ในส่วนประเทศไทยก็ได้กำหนดยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 ทำให้สถาบันอุดมศึกษาเอกชนต้องปรับเปลี่ยนตนเองค่อนข้างมากเพื่อให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ โดย สสอท.ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อหารือถึงเรื่องการปฏิรูปการศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ที่จะต้องทำคู่ขนานไปกับการปฏิรูปการศึกษา
ภาครัฐ โดยคณะทำงานประกอบด้วย นายก สสอท.ที่เพิ่งผ่านพ้น ได้แก่ ศ.ดร.เสาวณีย์ ชัยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ดร.วัลลภ สุวรรณดี อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต นายก สสอท.คนปัจจุบัน และตน ซึ่งได้รับเลือกเป็นนายก สสอท.ผู้ได้รับเลือก และอุปนายก สสอท.อีก 2 คน รวม 5 คน ซึ่งประชุมกันทุก 2 สัปดาห์

ผศ.ดร.จันทร์จิรากล่าวต่อว่า จากการหารือของคณะทำงานฯ พบว่า จำเป็นต้องแก้ไข พ.ร.บ.สถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ.2546 ซึ่งถือว่าไม่ทันต่อเหตุการณ์เพราะใช้มานานกว่า 14 ปีแล้ว ได้แก่ เรื่องการรับรองวิทยฐานะ ซึ่งเดิมเมื่อสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) รับรองวิทยฐานะระดับสถาบันแล้ว สถาบันอุดมศึกษาเอกชนก็สามารถเปิดหลักสูตรใหม่ได้ แต่ล่าสุดมีประกาศกระทรวงศึกษาธิการให้ สกอ.ต้องรับรองวิทยฐานะระดับหลักสูตร ทำให้เกิดความไม่คล่องตัว รวมทั้งเรื่องความร่วมมือระหว่างสถาบันอุดมศึกษาเอกชนกับสถาบันการศึกษาต่างประเทศ ซึ่งต้องผ่านขั้นตอนมาก ทั้งต้องขอผ่าน กกอ. และ ครม. ขณะที่มหาวิทยาลัยของรัฐสามารถดำเนินการลงนามความร่วมมือได้เลยด้วยตนเอง

“การแก้ไข พ.ร.บ.สถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ.2546 เพื่อให้มหาวิทยาลัยเอกชนมีความคล่องตัว ให้สมกับการที่จะก้าวเข้าสู่ประเทศไทย 4.0 ทั้งนี้ คณะทำงานฯ ได้มีการนำเสนอร่างแก้ไขกับคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา สกอ. และ รมว.ศึกษาธิการ รวมทั้งอนุกรรมาธิการการศึกษา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ คาดว่าร่างแก้ไขนี้จะสามารถนำเสนอเข้าที่ประชุม สนช.ภายในเดือน พ.ย.นี้” ผศ.ดร.จันทร์จิรากล่าว.

ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ