อาชีวะอุบลฯ คว้าแชมป์โลก แกะสลักหิมะที่ฮาร์บิน พิชิต ‘2สมัย’ ติดต่อกัน

ทีมนักเรียนอาชีวะอุบลฯประกาศศักดา คว้าแชมป์โลกแกะสลักหิมะที่เมืองฮาร์บิน ประเทศจีน รักษาแชมป์สมัยที่ 2 ไว้ได้สำเร็จ หลังโชว์ฝีมือนำเสนอผลงานชื่อ “อาชา ปักษา มัจฉา วารี” ใช้แนวคิดสัตว์มงคลจากป่าหิมพานต์ มาออกแบบและสื่อความหมาย ส่วนอีก 2 ทีมเด็กเก่งจากเมืองไทย วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุราษฎร์ธานี นำเสนอผลงานการแกะสลักภาพไก่ชนพื้นบ้าน และผลงานการแกะสลักภาพสัตว์นำโชคเต่าและมังกร จากวิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ร่วมกัน

เด็กอาชีวะอุบลฯประกาศฝีมือคว้าแชมป์แกะสลักหิมะมาครองได้เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 7 ม.ค. นายธวัชชัย พันธ์นิกุล ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี เผยว่า รายงานการประกาศผลการแข่งขันแกะสลักหิมะนานาชาติ (The 10th International Collegiate Snow Sculpture Contest 2018) ณ มหาวิทยาลัยวิศวกรรมฮาร์บิน เมืองฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียง ประเทศจีน จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-7 ม.ค. มีทีมเข้าแข่งขันทั้งหมด 55 ทีม 12 ประเทศทั่วโลก ประเทศไทยส่งทีมเข้าร่วมแข่งขัน 3 ทีม ประกอบด้วย วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุราษฎร์ธานี และวิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ

ผลการแข่งขันปรากฏว่า ทีมวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี ดีกรีแชมป์เก่า รางวัล Top Grade Awards เมื่อปีที่แล้ว ในปีนี้สามารถคว้า 2 รางวัล คือรางวัลชนะเลิศ และรางวัล Best Technique Award (รางวัลทักษะฝีมือใช้เทคนิคการแกะสลักยอดเยี่ยม) สร้างสถิติรักษาแชมป์สมัยที่ 2 ให้กับทีม และเป็นแชมป์สมัยที่ 9 ให้กับประเทศไทย ทีมนี้นำโดยนางสุวนิจ สุริยพันตรี รอง ผอ.วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี ผู้ประสานงาน นายพิศิษฐ์ อู่ศิริกุลพาณิชย์ นายสุรชาติ พละศักดิ์ ครูผู้ควบคุมทีมการแข่งขัน พร้อมด้วยนายกฤษณะ คบสหาย นายธนศักดิ์ พิพัฒน์ นายธนากร ศักดิ์สิงห์ และนายอภิสิทธิ์ ศรชัย นักเรียน ปวช.3 สาขาวิจิตรศิลป์ วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี ผู้เข้าแข่งขัน

ผลงานที่คว้ารางวัลครั้งนี้ ใช้สัตว์มงคลจากป่าหิมพานต์ ตัวแทนของบุญวาสนาและความสำเร็จเป็นแนวคิดในการออกแบบ ชื่อผลงานว่า “อาชา ปักษา มัจฉา วารี” (Belief…Faith…Miracle) ด้วยการนำม้า นก ปลา และน้ำ จากป่าหิมพานต์มาแกะสลักลงบนก้อนหิมะ ม้า เป็นสัญลักษณ์สื่อถึงความเจริญก้าวหน้า มุมานะ อดทน และการขยันขันแข็งในการทำงานเพื่อเป้าหมายสู่ความสำเร็จในชีวิต “นก” หมายถึง ความอิสระของพลังแห่งความคิด การกระทำ มักมีความฉลาดหลักแหลมด้านสติปัญญา และทะยานบินไกลสู่ความสำเร็จ “ปลา” หมายถึง สัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง การมีเงินทองล้นหลาม ความอุดมสมบูรณ์ ร่ำรวย มีผลกำไร “น้ำ” หมายถึง ชีวิตแห่งการเริ่มต้นและสิ้นสุดเป็นสัญลักษณ์ถึงความอุดมสมบูรณ์ ความสุข ความชุ่มชื่นเย็นฉ่ำ และเป็นศูนย์รวมของสรรพสิ่งบนโลกใบนี้

ส่วนอีก 2 ทีมที่เป็นตัวแทนจากประเทศไทย สามารถคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ร่วมกัน โดยทีมวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุราษฎร์ธานี นำเสนอผลงานการแกะสลักภาพไก่ชนพื้นบ้าน และผลงานการแกะสลักภาพสัตว์นำโชค เต่าและมังกร จากวิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ

นายพิศิษฐ์ อู่ศิริกุลพาณิชย์ ครูผู้ควบคุมทีมกล่าวว่า ดีใจและภูมิใจมากที่ทำได้สำเร็จ เพราะด้วยอุปสรรคและความเหนื่อยยากตลอดระยะเวลาของการเตรียมความพร้อมและการแข่งขัน วันนี้เป็นวันที่ทุกคนยกภูเขาออกจากอก

ด้านนายอภิสิทธิ์ ศรชัย นักเรียนวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี 1 ในผู้ร่วมทีมกล่าวด้วยความตื้นตันใจว่า ตนและเพื่อนในทีมคิดและคาดหวังกับการแข่งขันครั้งนี้มาก เนื่องจากเป็นปีสุดท้ายก่อนที่พวกตนจะสำเร็จการศึกษา ปีต่อไปคงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรุ่นน้อง อยากฝากบอกทุกคนว่า เด็กอาชีวศึกษาคือฝีมือชน คนสร้างชาติ เป็นคำที่ยืนยันให้เห็นศักยภาพอย่างแท้จริง และจะนำประสบการณ์ที่ได้รับในการแข่งขันไปพัฒนาด้านวิชาชีพต่อไปในอนาคต

ทั้งนี้ จากผลพวงจากความสำเร็จเมื่อปีที่ผ่านมาของเยาวชนทั้ง 4 คน คือนายกฤษณะ นายธนศักดิ์ นายธนากร และนายอภิสิทธิ์ ที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทร เทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นเบญจมดิเรกคุณาภรณ์ (บ.ภ.) ประจำปี 2560 เนื่องในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2560 ให้แก่ผู้ทำคุณประโยชน์แก่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และประเทศชาติ ตามประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่ม 134 ตอน 48 ข วันที่ 28 กันยายน 2560 อีกด้วย

รายงานข่าวแจ้งว่า ทีมแชมป์โลกแกะสลักหิมะนานาชาติจากวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานีจะเดินทางออกจากประเทศจีน ในเช้าวันที่ 9 ม.ค. ถึงสนามบินสุวรรณภูมิในเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน ส่วนรายละเอียดการแถลงข่าวการคว้าชัยในครั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ