เตือนรัฐบาลอย่ากลืนน้ำลายตัวเอง



นักวิชาการหนุน สนช.ยืนยันงบฯกองทุน 5% เชื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำ

เมื่อวันที่ 23 ก.พ. ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้มีการอภิปรายเรื่องร่าง พ.ร.บ.กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา โดย ผศ.นพ.เฉลิมชัย บุณยะลีพรรณ สมาชิก สนช.อภิปรายตอนหนึ่งว่า ตนสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.กองทุนฯ เพราะประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำทางสังคมและการศึกษาสูงสุดเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยมิติทางด้านเศรษฐกิจ คนจนและคนรวยมีรายได้แตกต่างกันถึง 22 เท่า, มิติการถือครองที่ดิน คนรวยและคนจนแตกต่างกันถึง 320 เท่า, มิติโอกาสในการเข้าเรียนอุดมศึกษาแตกต่างกันถึง 19 เท่า เกิดจากระบบการบริหารจัดการงบประมาณ และการจัดการศึกษาที่ผ่านมา ไม่สามารถจะลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและการศึกษาได้ และการที่ไทยจะบรรลุยุทธศาสตร์ชาติในการที่จะเป็นประเทศไทย 4.0 ได้ ก็จะต้องมีพลเมืองคุณภาพ มีการลงทุนด้านการศึกษา เพื่อพัฒนาเด็กเยาวชนและคนไทยทุกคนให้เป็นพลเมืองคุณภาพ เป็นการลดภาระในอนาคตของรัฐที่จะต้องมาทำสังคมสงเคราะห์ช่วยเหลือคนเหล่านี้ ซึ่งกลายเป็นแรงงานไร้ฝีมือไปจนตลอดชีพ โดยกองทุนฯจะช่วยเหลือกลุ่มผู้ด้อยโอกาส 4.3 ล้านคน ใช้เงิน 25,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าไม่มาก หรือเฉลี่ยเพียงคนละ 6,000 บาทต่อคนต่อปี

“ถ้ากองทุนไม่เกิดขึ้น คนเหล่านี้จะเข้าสู่ตลาดแรงงานเป็นแรงงานไร้ฝีมือ ตกงาน มีรายได้ไม่เพียงพอ เป็นหนี้สิน อาจทำผิดทางกฎหมาย เป็นปัญหาสังคม และผลกระทบด้านลบอื่นๆ ทั้งนี้ พบว่ารัฐบาลมีหนี้เงินกู้ที่ต้องชำระในปี 2561 ถึง 86,000 ล้านบาท คิดเป็น 3 เปอร์เซ็นต์ของงบประมาณทั้งปี 2.9 ล้านล้านบาท แต่กองทุนใช้เงินเพียง 0.86% ของงบประมาณแผ่นดิน หรือ 5% ของงบฯ ทางการศึกษา ซึ่งคิดเป็น 25,000 ล้านบาท จะสามารถสร้างศักยภาพของคนทำให้มีรายได้ดูแลตัวเองได้ และทำให้การจัดเก็บภาษีของประเทศเพิ่มขึ้น และรัฐบาลจะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปกู้เงินจากต่างประเทศมาอีก ที่สำคัญคือ เมื่อกองทุนนี้ทำการพัฒนาสนับสนุนอย่างต่อเนื่องแล้ว ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาจะลดลง ความเหลื่อมล้ำในสังคมจะลดลง ความสามารถการแข่งขันจะเพิ่มขึ้น ภาระงบประมาณของรัฐบาลในการดูแลผู้ยากไร้จะลดลง ที่สำคัญทุกคนจะมีความสุข มีความขัดแย้งกันน้อยลง” ผศ.นพ.เฉลิมชัยกล่าว

ด้าน ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักวิชาการด้านการศึกษา กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายที่จะลดปัญหาความเหลื่อมล้ำของคนในสังคมไทย แต่พบว่าตัดวรรคสำคัญของร่าง พ.ร.บ.กองทุนฯ คือ ให้รัฐบาลจัดสรรให้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของงบฯรายจ่ายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาของปีงบประมาณก่อนในวาระเริ่มแรกเป็นเวลา 5 ปี ถือเป็นการตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่ของรัฐบาล เป็นการกลืนน้ำลายตัวเองที่ประกาศจะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ เพราะที่ผ่านมางบฯการศึกษาเหลือถึงเด็กเพียงแค่ 3 บาทเท่านั้น จึงต้องมีกองทุนฯ เพื่อมุ่งช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส 4.3 ล้านคน

“ถ้ารัฐบาลประกาศจะลดความเหลื่อมล้ำของประเทศจริง ก็ควรทบทวนมติ ครม.เรื่องนี้ เพราะคณะกรรมการกฤษฎีกาก็เห็นชอบแล้ว ส่วน สนช.ซึ่งมีสมาชิกด้านการศึกษาหลายคน ควรแสดงความกล้าหาญประกาศที่จะนำวรรคสำคัญนี้กลับมาในร่างกฎหมายฉบับนี้” ศ.ดร.สมพงษ์กล่าว.

ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ


โพสเมื่อ : 26 ก.พ. 61   อ่าน 1494 ครั้ง      คำค้นหา :