คณะกรรมการอิสระฯ เห็นชอบ ร.ร.เป็นนิติบุคคล เร่งยกร่างกฎหมาย คาดล็อตแรกออกระบบเฉียดหมื่นโรง



เมื่อวันที่ 5 กันยายน นพ.จรัส สุวรรณเวลา ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการอิสระฯ ว่า ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการ การให้โรงเรียนมีเสรีภาพในการบริหารจัด ในรูปแบบโรงเรียนนิติบุคคล ซึ่งจะมีความอิสระใน 4 ด้าน ได้แก่ การบริหารจัดการทั่วไป การบริหารงานบุคคล การบริหารหารการเงิน และการบริหารวิชาการ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการอิสระฯ ได้รับความคิดเห็นเรื่องนี้ในหลายเวที ส่วนใหญ่เห็นด้วย และอยากให้ทำให้เป็นจริง เพราะเป็นเรื่องที่พูดกันมานานแล้ว ซึ่งคณะกรรมการอิสระฯ จะต้องกลับมา พิจารณาหารูปแบบของโรงเรียนนิติบุคคลที่เหมาะสม เบื้องต้น ได้พิจารณาแล้ว เห็นว่า ความเป็นนิติบุคคล ควรจะต้องมีความหลายหลาย คือมีหลักเกณฑ์สำหรับโรงเรียนที่มีความพร้อม ที่จะมุ่งไปสู่ความเป็นเลิศ และโรงเรียน ที่มีปัญหา และจะใช้ความเป็นอิสระเข้าไปแก้ปัญหาได้

“สิ่งสำคัญต้องทำความเข้าใจว่า การเป็นโรงเรียนนิติบุคคล ยังต้องมีเรื่องการกำกับดู การส่งเสริมและสนับสนุนโรงเรียน ไม่ใช่ให้หลุดออกจากระบบไปเลย และไม่ใช่เรื่องของการเปลี่ยนจากโรงเรียนรัฐ ไปเป็นโรงเรียนเอกชน ไม่ใช่เรื่องการปลดคน หรือปรับบุคลากรของรัฐออกจากระบบราชการ โดยทุกเรื่องยังคงต้องมีเกณฑ์กลาง เช่น หลักสูตรแกนกลาง ยังคงต้องมี แต่เป็นไปได้หรือไม่ที่จะเป็นแค่เกณฑ์ต่ำ ไม่ใช่เกณฑ์ที่บังคับให้ทุกโรงเรียนต้องทำ เพราะหากโรงเรียนสามารถทำได้สูงกว่างเกณฑ์ ก็ต้องปล่อยให้ทำได้ ครั้งนี้จะเป็นการปฏิรูปการศึกษาครั้งใหญ่ ซึ่งปัญหาใหญ่ที่จะต้องเข้าไปแก้คือ ปัญหาเรื่องคุณภาพการศึกษา ความเหลื่อมล้ำ และประสิทธิภาพของระบบ ซึ่งไม่ใช่ว่า ให้ใครเป็นผู้รับผิดชอบเท่านั้น ดังนั้นต่อไปนี้กระจายอำนาจไปให้ถึงโรงเรียน หรือสถานศึกษา ซึ่งเรื่องเป็นเรื่องสำคัญ และจะต้องมีการยกร่างกฎหมายขึ้นมาเพื่อให้สามารถดำเนินการได้”นพ.จรัสกล่าว

ประธานคณะกรรมการอิสระฯ กล่าวต่อว่า การปฏิรูปครั้งนี้ นอกจากพ.ร.บ.กองทุน ที่ต้องยกร่างเป็นกฎหมายให้ได้ภายใน 1 ปี ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 กำหนดไว้ แล้วยังต้องยกร่างกฎหมายดังกล่าว ขึ้นเพื่อเป็นกฎหมายกลาง ให้โรงเรียนมีอิสระในการบริหารจัดการ เป็นนิติบุคคล ซึ่งเท่าที่ดูคาดว่า จะมีโรงเรียนมีมีความพร้อม บริการจัดการในรูปแบบนิติบุคคลได้ประมาณ 3,000-4,000 แห่งเช่น โรงเรียนประจำจังหวัด เป็นต้น ถ้ารวมกับโรงเรียนที่มีปัญหาและจะใช้ความอิสระมาแก้ไข ก็คิดว่ารวมกันแล้วไม่ถึง 10,000 แต่ที่สุดแล้ว ไม่ใช่ว่า โรงเรียนทั้งหมดกว่า 30,000 โรงเรียน จะต้องออกเป็นนิติบุคคลทั้งหมด ยังคงต้องมีส่วนหนึ่งที่รัฐยังคงต้องดูแลให้การสนับสนุน


ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจากมติชนออนไลน์ วันที่ 5 กันยายน 2560 - 19:08 น.


โพสเมื่อ : 06 ก.ย. 60   อ่าน 2106 ครั้ง      คำค้นหา :