เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม นายสนอง สุดสะอาด ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(ผอ.สพป.)นครราชสีมา เขต 6 ให้สัมภาษณ์กรณีมีข่าวว่านพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)จะปรับองค์ประกอบคณะกรรมการบริหารงานบุคคล โดยจะปรับแก้จำนวนผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา(ผอ.สพท.) ที่เข้ามาเป็นกรรมการให้เท่ากับผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อเป็นการคานอำนาจนั้นว่า ผอ.สพท.มีวุฒิภาวะและความรับผิดชอบเพียงพอในการบริหารงานบุคคล เพราะที่ผ่านมาต้นตอปัญหาที่แท้จริงไม่ใช่อยู่ที่ผอ.สพท. การที่แต่ละกศจ. มีผอ.สพท.ในจังหวัดทุกคนเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง ก็ถ่วงดุลกันโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว เช่น กศจ.นครราชสีมา มี ผอ.สพท. 8 คน เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง แต่ละคนก็ต้องคอยตรวจสอบ ท้วงติง ว่าเป็นไปตามหลักกฎหมายหรือไม่ ผอ.สพท.แต่ละคนมีความรู้เรื่องการบริหารงานบุคคล ระเบียบ กฎหมายดี จึงจะต้องยึดระเบียบ หลักเกณฑ์ และแนวปฏิบัติโดยเคร่งครัด “การมีผอ.สพท.ทุกคนเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง จึงเป็นการคานอำนาจกันไปในตัว จะปล่อยให้เขตใดเขตหนึ่ง ดำเนินการบริหารงานบุคคลโดยอำเภอใจไม่ได้ เพราะเป็นความรับผิดชอบขององค์คณะร่วมกัน เหมือนกับก.ค.ศ. ปัจจุบันมีแต่หัวหน้าส่วนราชการต่างๆ เป็นกรรมการ และผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนหนึ่งโดยไม่มีกรรมการประเภทผู้แทนเข้ามาคอยถ่วงดุล ก็ยังสามารถดำเนินการได้ ประเด็นดังกล่าว จึงไม่ใช่เงื่อนไขสำคัญของความล้มเหลวการบริหารงานบุคคลในเขตพื้นที่ต่างๆ กลับเป็นจุดแข็งของการบริหารงานบุคคลเสียอีก เพราะ ผอ.สพท.แต่ละท่าน ก็คอยตรวจสอบถ่วงดุลกันโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว การบริหารงานบุคคลระบบนี้ ใช้ปัญญาแบบถือเสียงข้างมากไม่ละเลยเสียงข้างน้อย” นายสนองกล่าว ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจากมติชนออนไลน์ วันที่ 14 ธันวาคม 2560 - 12:05 น. |
โพสเมื่อ : 15 ธ.ค. 60 อ่าน 1883 ครั้ง คำค้นหา : |