![]() |
เราคงเคยได้ยินคำว่า “เด็กติดเกม” มานานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เด็กติดเกมเป็นปัญหาคลาสสิค และยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ในยุคที่เทคโนโลยีครอบครองโลก แต่ใครจะรู้บ้างว่า “วิชาชีพครู” ซึ่งเป็นอาชีพแบบผู้ใหญ่ๆ อย่างเราก็ติดไปกับเขาด้วยเช่นกัน แต่เป็น “ติดเกณฑ์” แทน ทำไมผู้เขียนจึงหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาเพื่อแสดงทัศนะ ก็เพราะผู้เขียนเชื่อว่า ครูไทยเกือบทั้งประเทศ น่าจะเห็นด้วยไม่มากก็น้อยกับผู้เขียนในประเด็นนี้ เมื่อพูดถึงการทำงานของครู งานครูเป็นงานที่ต้องอาศัยความรัก ความชอบ และความเสียสละอยู่อย่างมากของครูผู้สอน หากครูต้องการส่งผ่านความรู้ ความคิด ทัศนคติ การขัดเกลา และหล่อหลอมสิ่งต่างๆ ที่ดีงามถูกต้อง ไปยังผลลัพธ์ปลายทาง ซึ่งก็คือ “นักเรียน” ให้เจริญงอกงามทั้งความรู้ ความคิด ความดี ได้นั้น ครูควรต้องทำงานด้วยความอิสระปราศจากแรงกดดัน หรือกรอบใดๆ ที่จะลิดรอนความคิดสร้างสรรค์ให้ลดน้อยถอยลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสอนหนังสือนักเรียน ครูต้องใช้ความคิดอย่างรอบคอบในการออกแบบการจัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับช่วงวัย และระดับชั้นของนักเรียน การเขียนแผนการสอน การจัดเตรียมสื่ออุปกรณ์ต่างๆ รวมถึง การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรียนอย่างรอบด้าน บนพื้นฐานของความมีอิสระทางความคิด (Autonomy หรือ แปลว่า อัตตาณัติ หมายถึง การมีอำนาจในการปกครองตนเอง) ความอยากรู้อยากลองจากการออกแบบการจัดการเรียนรู้ของตน ในการที่จะพิสูจน์ฝีมือ และลองผิดลองถูก ว่าสิ่งที่ตนเองได้คิดนั้น เมื่อได้ปฏิบัติ (สอน) จริงแล้วนั้น เกิดผลอย่างไรบ้างกับนักเรียน การเรียนรู้จากการลองผิดลองถูกของครูในทุกครั้งที่สอนนั้น นำไปสู่การพัฒนาความเป็นครูมืออาชีพของตนได้ทีละเล็กทีละน้อยเองอย่างแท้จริง เนื่องจากครูเป็นผู้ที่รู้จักนักเรียน รับรู้ปัญหา และรู้บริบททั้งหมดทั้งใน และนอกห้องเรียนได้ดีที่สุด ดังนั้น เมื่อครูอยู่ในพื้นที่ที่แตกต่างกัน การสอนในเรื่องเดียวกันย่อมมีความแตกต่างกันอย่างแน่นอน ยกตัวอย่างเช่น ครูทางภาคเหนือสอนเรื่องการผลิตสินค้าและบริการ ในกลุ่มสาระวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ครูอาจยกตัวอย่างการผลิตและการบริการที่สัมพันธ์กับวิถีชีวิตของคนทางภาคเหนือ เช่น การปลูกสตรอว์เบอรี่ การทำไร่ชา การทำร่ม การทำเครื่องเงิน เป็นต้น ในขณะที่ครูทางภาคใต้สอนเรื่องเดียวกัน อาจยกตัวอย่างที่มีความผูกพันกับวิถีชีวิตของนักเรียน เช่น การทำประมง การทำสวนยาง การทำผ้าบาติก ฯลฯ
จะเห็นได้ว่า ครูทั้ง 2 พื้นที่นี้ย่อมยกตัวอย่างให้นักเรียนเห็นได้ชัดเกี่ยวกับบทเรียนดังกล่าว ให้สัมพันธ์กับวิถีชีวิตของนักเรียน และเป็นสิ่งที่นักเรียนคุ้นเคย ย่อมมีความหมายต่อการเรียนรู้ของพวกเขา จึงสะท้อนให้เห็นว่าพื้นที่ และบริบทที่แวดล้อมตัวนักเรียน เป็นปัจจัยสำคัญที่ครูควรตระหนักถึง เช่น ชุมชน สังคม วัฒนธรรม การประกอบอาชีพ เป็นต้น |
โพสเมื่อ : 10 ก.ค. 66 อ่าน 418 ครั้ง คำค้นหา : |