เวทีรับฟังข้อเสนอปฏิรูปศึกษาร้อนฉ่า

“สุชัชวีร์” แนะลุย 3 เรื่องใหญ่เพื่อเปลี่ยนแปลง ห่วง “ซิงเกิลคอนมานด์”

เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่ห้องประชุมกำแหง พลางกูล สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.) จัด ประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อรับฟังข้อเสนอประเด็นการปฏิรูปการศึกษา เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งคณะอนุกรรมการ 5 คณะ ได้แก่ คณะอนุกรรมการเด็กเล็ก คณะอนุกรรมการกองทุน คณะอนุกรรมการครูและอาจารย์ คณะอนุกรรมการจัดการเรียนการสอน และคณะอนุกรรมการโครงสร้าง ได้นำเสนอกรอบแนวทางการดำเนินงานพร้อมทั้งประเด็นการรับฟังความคิดเห็น จากนั้นได้เปิดให้ผู้ทรงคุณวุฒิได้นำเสนอความเห็น โดย ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า ประเทศไทยต้องนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ในการจัดการศึกษา ต้องกล้าเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง และ ต้องออกกฎหมายมาส่งเสริมให้เอกชนเข้ามาลงทุน ถ้าไม่ทำ 3 สิ่งนี้ การศึกษาไทยก็ไม่เปลี่ยนแปลง

ด้าน ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อดีตคณะกรรมการปฏิรูปการศึกษา กล่าวว่า ไม่อยากให้มองข้ามเรื่องของเด็กเล็ก ขณะที่กองทุนหากจะเน้นความเสมอภาคก็ต้องถามว่ามีทรัพยากรเพียงพอหรือไม่ และอย่าลืมว่าขณะนี้เรามีกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) และกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) อยู่แล้ว ส่วนเรื่องครูและอาจารย์ทำอย่างไรจะจูงใจคนเก่ง คนดีมาเป็นครู สิ่งที่ตนไม่เห็นด้วยคือระบบซิงเกิลคอนมานด์ที่ให้คนๆเดียวตัดสินใจ อย่างกระทรวงการอุดมศึกษาจะให้รัฐมนตรีหรือปลัดมาตัดสินใจและให้มหาวิทยาลัยที่เคยเป็นอิสระกลับไปเป็นกรมหรือไม่ นอกจากนี้ คณะกรรมการการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัด (ผวจ.) เป็นประธาน เป็นการเอา ผวจ.กลับมาดูแลครูเหมือนในอดีตซึ่งเคยมีปัญหา ผวจ.บางคนก็ไม่รู้เรื่องการศึกษาและบางคนก็ไม่อยากทำ

สำหรับในส่วนของการปฏิรูปโครงสร้าง นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธาน อนุกรรมการปฏิรูปโครงสร้างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา กล่าวว่า โครงสร้างใหม่ต้องตอบสนองต่อการปฏิรูปการศึกษาอย่างได้ผลและต่อเนื่อง ยึดเอาหน่วยปฏิบัติคือสถานศึกษาเป็นส่วนกลางขับเคลื่อนการปฏิรูป ข้อเสนอโครงสร้างการบริหารการศึกษารูปแบบใหม่จะใช้แนวทางการบริหารแบบ กระทรวงสมัยใหม่ที่มีการถ่วงดุล โดยแยกระบบการศึกษาไทยออกเป็น 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายนโยบาย ฝ่ายกำกับ และฝ่ายปฏิบัติ ยึดนักเรียนเป็นศูนย์กลางพร้อมให้อิสระกับสถานศึกษา.

ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ