ศธ.นัดถกวางแผนแก้ปัญหาหนี้ครูหลังปีใหม่

รมว.ศึกษาธิการ เผยครม.ไม่มีวาระพิจารณามาตรการของ ธ.ออมสิน แก้ไขหนี้สินครู คาดอาจต้องให้จัดข้อมูลเพิ่มก่อนย้ำแก้หนี้ครูต้องคุยรอบด้าน ระบุหลังปีใหม่เชิญเจ้าหนี้อื่นๆ ร่วมหารือมาตรการแก้ปัญหาเพิ่มเติม

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ที่ประชุมครม.ในครั้งนี้ไม่มีวาระพิจารณากรณีที่ธนาคารออมสินจะเสนอแนวทาง แก้ไขปัญหาหนี้สินครู โดยให้ใช้เงินอนาคต เช่น การใช้เงินการราปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการ ศึกษา (สกสค.) ที่ใช้ในการค้ำประกันเงินกู้ ซึ่งญาติจะได้รับหลังจากสมาชิกเสียชีวิต มาตั้งเป็นวงเงินกู้ในการรีไฟแนนซ์ในอัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อปรับโครงสร้าง หนี้ที่ค้างชำระกับทางธนาคารออมสินส่วนหนึ่งก่อน ซึ่งเข้าใจว่า ครม.อาจจะให้จัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมก่อน

ทั้งนี้ การแก้ปัญหาหนี้สินครูจะยังไม่จบแน่นอน เพราะต้องทำให้รอบด้าน และได้เน้นย้ำมาตลอดว่าจะต้องหารือกับหน่วยงานที่ปล่อยกู้ให้ครบถ้วน ทั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ครู และเจ้าหนี้

รายอื่นๆ ด้วยเพื่อจะได้ดำเนินการให้ครบทั้งระบบ ส่วนที่จะพิจารณาดำเนินการรีไฟแนนซ์ตามข้อเสนอของธนาคารออมสินก่อนนั้น ถือเป็นเรื่องเร่งด่วน เพราะมีครูจะถูกฟ้องร้อง

"คิดว่าหลังจากปีใหม่ หรือปี 2559 จะได้แนวทางการแก้ปัญหาหนี้สินครูทั้งระบบ เพราะต้องหารือกับเจ้าหนี้รายอื่นๆ ด้วย ไม่ใช่แค่ธนาคารออมสินเพียงที่เดียว ส่วนที่ครูส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของธนาคารออมสินที่ให้รีไฟแนนซ์ นั้น ผมก็อยากให้ครูพูดมาให้ชัดว่าจะให้ช่วยอย่างไร ซึ่งถ้าจะให้พักชำระหนี้คงเป็นไปไม่ได้ หรือจะให้ลดดอกเบี้ย ก็ขึ้นอยู่กับสถาบันการเงิน หรือหน่วยงานที่เป็นเจ้าหนี้เอง ผมตอบไม่ได้" รมว.ศึกษาธิการ กล่าว

ด้าน รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัด ศธ. กล่าวว่า อยากให้ครูที่ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของธนาคารออมสิน หรือมีปัญหาอื่นๆ เข้ามาหารือกับศธ.โดยตรง คิดว่าเรื่องนี้สามารถแก้ปัญหาให้ครูที่เป็นหนี้กับธนาคารออมสินได้ส่วน หนึ่ง และไม่อยากให้คิดมากว่าการที่ธนาคารออมสินเปิดให้ครูเข้ามารีไฟแนนซ์เป็นการ แก้ปัญหาหนี้ที่ไม่เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล ซึ่งเป็นปัญหาของทางธนาคารเองมากกว่าจะช่วยครู โดยอยากให้มองว่า ตัวครูเองก็ได้รับการแก้ปัญหาหนี้สินให้เบาลงเช่นกัน

ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก