ยอมรับเลิกระบบ "เด็กฝาก" ทำลำบาก

เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาทุจริตของกระทรวงศึกษาธิการ ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการแก้ไขปัญหาทุจริตต่างๆภายใน ศธ. ซึ่งพบว่าหลายเรื่องมีความคืบหน้าไปมากแล้ว ในขณะเดียวกันหลายเรื่องมีความล่าช้า โดยปัญหาใหญ่พบว่า ศธ.ขาดแคลนบุคลากรด้านกฎหมายหรือนิติกรจำนวนมาก อาทิ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีการร้องเรียนจำนวนมาก แต่กลับพบว่ามีนิติกรเพียง 6 คนเท่านั้น และเมื่อมีการเปิดรับสมัครก็ไม่มีคนมาสมัคร เนื่องจากภาระงานมาก แต่แรงจูงใจน้อย ขณะนี้เกือบจะอยู่ในจุดวิกฤติแล้ว ดังนั้นตนจึงได้มอบหมายให้ที่ประชุมหาแนวทางการแก้ไขปัญหานี้ โดยให้ทุกองค์กรหลัก ศธ.สร้างแรงจูงใจให้มีบุคคลเข้ามาสมัครเป็นนิติกรมากขึ้น

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุม ยังได้มีการพิจารณากรณี ผอ.โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ที่ถูกแฉคลิปเรียกรับเงินแป๊ะเจี๊ยะแลกที่นั่งเรียน และในขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัย ซึ่งคณะกรรมการที่เป็นผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้รายงานว่ากรณีของโรงเรียนสามเสนฯมีผลกระทบสูง ชี้ให้เห็นว่ามีช่องโหว่ที่อาจจะเกิดจากความไม่เข้าใจกฎระเบียบ หรือหมิ่นเหม่ต่อการกระทำผิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโควตา การรับเงินบริจาคแล้วไม่ออกใบเสร็จหรือออกช้า หรือบางโรงเรียนไม่มีใบเสร็จเพราะต้องรอดูผลการรับก่อนถึงจะออกใบเสร็จตามให้ ซึ่งจากปรากฏการณ์ดังกล่าวจะเป็นบทเรียนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การรับนักเรียนในระบบโควตาพิเศษ เพื่อให้เกิดความยุติธรรมและรัดกุมมากขึ้น

“การจะให้ยกเลิกระบบเด็กฝากคงทำลำบาก เพราะมีมานานแล้ว ซึ่งคนฝากไม่ได้ผิด แต่คนรับฝากแล้วไปทำกันเองโดยไม่มีหลักเกณฑ์ หรืองุบงิบกันทำ เป็นช่องทางทำให้เกิดการทุจริต ดังนั้นจะต้องจัดทำหลักเกณฑ์การรับเด็กโควตาพิเศษทั้งระบบ เพื่อให้มีความเป็นธรรม และสามารถตรวจสอบได้ ความหมายของการรับเด็กผู้มีอุปการคุณคือผู้ที่บริจาคเงินอย่างเดียวหรืออย่างไร โรงเรียนจะต้องไปทบทวน และทำทุกอย่างให้เกิดความเป็นธรรมและถูกต้องตามกฎหมาย ผมคิดว่าปีหน้าเหตุการณ์แบบนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นมาอีก” นพ.ธีระเกียรติกล่าว.

ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ