สพฐ.ขอวิเคราะห์ WEF จัดอันดับการศึกษาไทย-รอนโยบายกระทรวง



สพฐ.ขอวิเคราะห์รายงานอันดับการศึกษา WEF หลังพบไทยแพ้ลาว-กัมพูชา พร้อมระบุต้องรอฟังนโยบาย รมต.ศธ.ก่อน ขณะ สกอ.ชี้ตัวชี้วัดผลมาจากความพึงพอใจของนายจ้างต่อคุณภาพบัณฑิต...

จากการเปิดเผย รายงานโกลบอล คอมเพทติทีฟ รีพอร์ท 2014-2015 (Global Competitiv Report 2014-2015) ซึ่งจัดทำโดย เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรั่ม (World Economic Forum-WEF) พบว่า ขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย อยู่เป็นอันดับที่ 31 ของโลก และเป็นอันดับ 3 ของอาเซียน ตามหลังประเทศสิงคโปร์ อยู่อันดับ 2 ของโลก และมาเลเซีย อันดับ 20 ของโลก ขณะที่ในส่วนของการศึกษา คุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐานของไทยอยู่ที่อันดับ 7 ของอาเซียน จากปีที่แล้วที่อยู่ในอันดับ 6 และเป็นอันดับที่ 86 ของโลก โดยมีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ขยับไปแทนที่ในอันดับที่ 6 ของอาเซียน และทิ้งห่างไทยไปอยู่ในอันดับที่ 79 ของโลก ส่วนคุณภาพของระดับอุดมศึกษาของไทย อยู่ที่อันดับ 8 ของอาเซียน เป็นอันดับที่ 78 ของโลก ตามหลัง สปป.ลาว ที่อยู่อันดับ 6 ของอาเซียน และอันดับที่ 57 ของโลก ส่วนประเทศกัมพูชา อยู่อันดับ 7 ของอาเซียน อันดับที่ 76 ของโลก แม้ว่าขีดความสามารถด้านคณิตศาสตร์-วิทยาศาสตร์ของไทยจะอยู่อันดับค่อนข้าง ดี คือ อันดับ 5 ของอาเซียน แต่อยู่อันดับ 80 ของโลก

Global Competitiv Report 2014-2015 โดย World Economic Forum

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศ.ดร.ภาวิช ทองโรจน์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวถึงรายงานดังกล่าวว่า เมื่อวิเคราะห์ถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) ต่อจำนวนประชากรของประเทศ พบว่า ไทยมีรายได้ต่อหัวอยู่อันดับ 3 ของอาเซียน เป็นอันดับที่ 79 ของโลก เท่ากับว่าประเทศในอาเซียนที่มีจีดีพีต่ำกว่าไทย จัดการศึกษาได้ดีกว่า ทั้งนี้ ประเด็นที่น่าสนใจ คือ WEF จัดให้คุณภาพของการศึกษาด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ของสิงคโปร์ เป็นอันดับ 1 ของโลก นอกจากนี้ การศึกษาขั้นพื้นฐานอยู่อันดับต่ำกว่าลาว ขณะที่อุดมศึกษาไทยแพ้ทั้งลาวและกัมพูชา อย่างไรก็ตาม การศึกษาถือเป็นดัชนีหนึ่งในการชี้อนาคตทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว หากการศึกษาไม่ดี เศรษฐกิจอาจแย่ลง โดยเฉพาะความรู้ในเรื่องวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ หากแย่ลงก็จะกระทบต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต ดังนั้น จึงควรต้องเพิ่มคุณภาพการศึกษา

ขณะที่ ดร.กมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ทราบการจัดอันดับของ WEF แล้ว แต่ยังต้องเข้าไปดูในรายละเอียดโดยเฉพาะกระบวนการ และวิธีการประเมิน หากผลการจัดอันดับเป็นจริงตามข้อมูลของ WEF คงต้องยอมรับ จากนั้นจึงวิเคราะห์ว่า ไทยมีจุดอ่อน จุดด้อยตรงไหน เพื่อแก้ไข เพราะที่ผ่านมาได้วางแผนแก้ปัญหาคุณภาพไว้เบื้องต้นแล้ว ทั้งนี้ ต้องรอฟังนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่ามีทิศทางอย่างไร เพื่อผสานการทำงานตามนโยบายที่ สพฐ.วางไว้

นักเรียน

ขณะที่ นพ.กำจร ตติยกวี เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า การรายงาน WEF เป็นข้อมูลโดยใช้ผลความพึงพอใจต่อคุณภาพบัณฑิตของนายจ้างเป็นตัวชี้วัดสำคัญ ซึ่งต้องยอมรับว่า อุดมศึกษาไทยมีปัญหา เมื่อผลิตบัณฑิตออกมาแล้วไม่สามารถทำงานได้ทันที สถานประกอบการต้องเสียเวลาฝึกงานระยะหนึ่ง อาจทำให้สถานประกอบการของไทยพึงพอใจต่อคุณภาพบัณฑิตค่อนข้างน้อย ส่งผลให้ถูกจัดอยู่ในอันดับท้ายๆ ส่วนอันดับที่อยู่ตามหลังลาวและกัมพูชานั้น อาจเป็นเพราะลาวและกัมพูชา ยังมีอุตสาหกรรมน้อยกว่าไทย จึงสามารถเลือกบัณฑิตที่มีคุณภาพตรงตามความต้องการได้มากกว่า ทำให้ความพึงพอใจเพิ่นขึ้น ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่พยายามส่งเสริมการเรียนที่เพิ่มทักษะให้กับบัณฑิต อย่างไรก็ตาม ขณะเดียวกัน อยากให้รัฐมนตรี ศธ. ช่วยผลักดันงบประมาณด้านการวิจัย เพราะงานวิจัยถือเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาอุดมศึกษา รวมถึงส่งเสริมอาจารย์ให้มีโอกาสศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น.

ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ

โพสเมื่อ : 10 ก.ย. 57   อ่าน 1563 ครั้ง      คำค้นหา :