![]() |
ชี้ข้อจำกัดด้านบุคลากรกระทบการผลิตคนสายอาชีพ เชื่ออีก 2 ปีดีขึ้นแน่ เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคอนเฟอเรนซ์เรื่องการมอบนโยบายการรับนักเรียน ประจำปีการศึกษา 2563 ของสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ว่า เป็นการส่งต่อนโยบายให้แก่หน่วยงานระดับพื้นที่ได้รับทราบถึงนโยบายการรับนักเรียน รวมถึงการเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนในสายอาชีพ และการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก ซึ่งต่อจากนี้ไป สพฐ.และ สอศ.ต้องทำงานเชื่อมโยงข้อมูลกันให้มากขึ้น เช่น การนำผู้เรียนอาชีวะเข้าไปบริหารจัดการด้านเทคโนโลยีให้โรงเรียนขั้นพื้นฐาน เพราะโรงเรียนบางแห่งอาจยังขาดผู้เชี่ยวชาญด้านไอซีที ซึ่งเรื่องเทคโนโลยี ตนให้ความสำคัญมาก ส่วนประเด็นการเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนสายอาชีพและสายสามัญให้ได้ 50 ต่อ 50 นั้น เรื่องนี้ตนมีเป้ามากกว่านั้น โดยเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนสายอาชีพเป็นร้อยละ 60 ขึ้นไป และสายสามัญเหลือร้อยละ 40 แต่เราก็ต้องปรับหลักสูตรการเรียนการสอนอาชีวะ และการพัฒนาครู เพื่อทำให้การเรียนการสอนในสายอาชีพน่าสนใจมากขึ้น และประชาสัมพันธ์ข้อดีของการเรียนสายอาชีพ ซึ่งผู้ปกครองจะเชื่อใจและส่งบุตรหลานเข้าเรียนแน่นอน “การเพิ่มผู้เรียนในสายอาชีพให้ได้ 60% ขึ้นไปนั้น ผมมองว่าหากทุกฝ่ายช่วยกันเป้าหมายนี้ทำได้แน่ โดยจะต้องปรับความเข้าใจการบริหารจัดการระหว่าง สพฐ.และ สอศ. ซึ่ง สพฐ.ไม่ต้องกังวลว่าเงินอุดหนุนรายหัวของนักเรียนจะลดลง เพราะ สพฐ.สามารถขยายโรงเรียนด้วยการสร้างความเป็นเลิศเฉพาะทางให้เด็กเก่งในสายวิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ เหมือนที่โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์” รมว.ศธ.กล่าว ต่อข้อถามว่า ขณะนี้กระแสความนิยมอาชีพในปี 2563 จะเกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุ การทำแพลตฟอร์ม การออกแบบเกม และโลจิสติกส์ แต่การจัดการสอนหลักสูตรของอาชีวะอยู่ในกลุ่มอาชีพที่มีโอกาสตกงานสูง นายณัฏฐพลกล่าวว่า เรื่องนี้ตนยอมรับว่ายังเป็นข้อจำกัดของอาชีวศึกษา เราทราบความต้องการของตลาดแต่เรายังขาดบุคลากรในการจัดการเรียนการสอน ดังนั้น ขณะนี้ สอศ.กำลังดำเนินการขยายความร่วมมือโครงการทวิภาคีให้มากขึ้น การพัฒนาครู และการปรับหลักสูตรอาชีวศึกษา ซึ่งเชื่อว่าอีก 2 ปีข้างหน้า เราสามารถผลิตบุคลากรรองรับตามความต้องการของตลาดแรงงานได้. ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ |
โพสเมื่อ : 20 ธ.ค. 62 อ่าน 1413 ครั้ง คำค้นหา : |