แฉวัฒนธรรมใน ร.ร.เอื้อคุกคามทางเพศ จี้สร้างค่านิยมเคารพสิทธิ



สอนเด็กฉลาดรู้เพศ-จัดพื้นที่เอื้อฟังปัญหา นร.

เวทีเสวนาจุฬาฯ ครั้งที่ 10 เรื่อง “ปัญหาหรือ ตัณหา : ธรรมาภิบาลกับเรื่องเพศในโรงเรียนไทย” ผศ.อรรถพล อนันตวรสกุล นักวิชาการด้านการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า โรงเรียนเป็นสังคมจำลองของภาคสังคมที่ยังสะท้อนถึงความสัมพันธ์เชิงอำนาจนิยมระหว่างผู้ใหญ่กับเด็ก ความสัมพันธ์ชายหญิง ซึ่ง ยังปรากฏให้เห็น เช่น เด็กถูกกระทำจากผู้บริหาร ทั้งที่เด็กควรได้รับการดูแลอย่างดีจากสถานที่ที่ได้รับความไว้ใจว่าสามารถปกป้องดูแลเด็กได้ ขณะเดียวกันเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น ข้อระเบียบของคุรุสภาที่ให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน ก็ตั้งข้าราชการสอบกันเอง ผู้เสียหายไม่มีส่วนร่วม ทำให้เรื่องถูกเก็บเงียบ ไม่มีสัญญาณเชิงบวกที่จะแก้ปัญหา นอกจากนี้ วัฒนธรรมภายในโรงเรียนยังเอื้อให้เกิดปัญหาคุกคามทางเพศ เพียงแค่การหยอกล้อก็กลายเป็นเรื่องที่ต้องยอมรับกันได้ กระทั่งถูกเนื้อต้องตัว นัดพบระหว่างครูกับเด็ก เด็กกับเด็ก จนถึงการมีพื้นที่ออนไลน์หรือพื้นที่ส่วนตัว เป็นปัญหาซุกใต้พรมที่ยังอยู่ หากเด็กพบสถานการณ์เหล่านี้จะหันไปพึ่งใคร มาตรการสอบสวนก็ไม่มีพื้นที่ให้เด็กได้ส่งเสียง เห็นได้ว่าช่วง 5 ปีมีสถิติเด็กถูกกระทำทางเพศและเกิดการฟ้องร้องเพียง 53 ราย ส่วนที่ถูกเก็บเงียบยังมีอีกเท่าไหร่ ไม่เฉพาะเด็กผู้หญิง แต่ผู้ชายที่ถูกกระทำก็มีไม่น้อย ที่น่าห่วงเมื่อเด็กเหล่านี้ ถูกกระทำจะกลายเป็นลูกโซ่ที่ส่งต่อไปกระทำบุคคลอื่นหรือคนใกล้ตัว จึงเป็นโจทย์สำคัญถึงกระบวนการจัดการในโรงเรียนที่ต้องจัดการปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่ใช่เพียงการดำเนินการตามกฎหมายที่ต้องให้ ความเป็นธรรมและปกป้องผู้ถูกกระทำ แต่รวมถึงการสร้างค่านิยมในการเคารพสิทธิระหว่างชายหญิง

ผศ.ดร.ปารีณา ศรีวณิชย์ คณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า คดีทางเพศเป็นคดีที่ยากในการดำเนินคดี เพราะผู้ถูกกระทำมีความกลัว มีความอาย ที่จะถูกสังคมมองว่าแปดเปื้อน ดังนั้น จึงต้องมีกระบวน การพิสูจน์ความยุติธรรมที่เป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ตอนนี้สื่อสังคมออนไลน์ถือเป็นศาลน่ากลัวที่สุด เพราะตัดสินทันที ทั้งผู้ถูกกล่าวหาและผู้ถูกกระทำ
นางจิตติมา ภานุเตชะ จากมูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพหญิง กล่าวว่า ปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศเป็นเรื่องใหญ่ในสังคมไทย การแก้ปัญหาเรื่องเพศจะต้องทำ 3 ระบบให้เกิดขึ้น คือ 1.จัดทำหลักสูตรไม่เฉพาะการสอนเรื่องเพศศึกษา แต่จะต้องสอนให้มีความฉลาดรู้เรื่องเพศ 2.จัดสภาพแวดล้อมที่มีช่องทางที่จะรับฟังปัญหาเด็ก และ 3.ดึงผู้ปกครอง ชุมชนเป็นเครือข่ายในการดูแลปกป้องเรื่องเหล่านี้ด้วย.

ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ


โพสเมื่อ : 08 ก.พ. 61   อ่าน 2161 ครั้ง      คำค้นหา :