![]() |
รอยเตอร์เผยผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยในภูมิภาคเอเชียปี 2561 มีมหาวิทยาลัยในไทย 10 แห่งติดโผ โดย 2 มหาวิทยาลัยอยู่ในอันดับดีขึ้นกว่าปี 2560 และ 7 มหาวิทยาลัยถูกปรับอันดับลดลง ขณะที่ “มหิดล” อยู่ในอันดับคงที่ ด้านมหาวิทยาลัยสิงคโปร์คว้าอันดับ 1 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดและครองแชมป์ 3 ปีซ้อน เมื่อวันที่ 6 ก.พ. นิตยสารไทม์ส ไฮเออร์ เอ็ดดูเคชั่น ของอังกฤษ อ้างอิงข้อมูลจากสำนักข่าวรอยเตอร์ เผยผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยในภูมิภาคเอเชียประจำปี 2561 โดยชี้วัดจากปัจจัยต่างๆ อาทิ คุณภาพการสอน ผลงานวิจัย การถูกนำไปใช้อ้างอิง ทัศนคติของต่างชาติ ผลปรากฏว่า มีมหาวิทยาลัยในเอเชียได้รับการจัดอันดับทั้งหมด 359 แห่ง และ มีมหาวิทยาลัยในประเทศไทยติดอันดับ 10 แห่ง ทั้งนี้ สถาบันการศึกษาระดับสูงของไทยที่ดีที่สุดในปีนี้คือ อันดับ 97 มหาวิทยาลัยมหิดล ตามด้วยอันดับ 114 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี อันดับ 164 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อันดับ 168 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ขณะที่ช่วงอันดับ 201-250 ได้แก่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง อันดับ 251-300 ได้แก่มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และอันดับ 301-350 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ นิตยสารไทม์ส ไฮเออร์ เอ็ดดูเคชั่น ระบุว่า หากเทียบกับปี 2560 แล้ว อันดับของมหาวิทยาลัยในประเทศไทยได้ถูกปรับลดอันดับลงหลายแห่ง อย่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เคยอยู่ในช่วงอันดับ 101-110 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อยู่ในช่วงอันดับ 151-160 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อยู่ช่วงอันดับ 171-180 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า–เจ้าคุณทหารลาดกระบัง อยู่ช่วงอันดับ 181-190 มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อยู่ช่วงอันดับ 201-250 เช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ อยู่ช่วงอันดับ 251-300 แต่ที่ได้รับอันดับดีขึ้นคือ มหาวิทยาลัยเทคโน-โลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ส่วนมหาวิทยาลัยมหิดลครองอันดับ 97 ตามเดิม พร้อมระบุว่าสาเหตุที่สถาบันหลายแห่งอันดับลดลงเกิดจากปัจจัยเช่นจำนวนประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น และการมีจำนวนสถาบันการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยที่มากเกินความพอดี ขณะที่ ดร.รัตนา แซ่เล้า ที่ปรึกษาอาวุโสของสถาบันคีนันแห่งเอเชีย ยังระบุด้วยว่า ในช่วง 20 ปี ที่ผ่านมา สถาบันการศึกษาระดับสูงของไทยต่างแยกตัวจากส่วนกลาง มาบริหารและหารายได้กันเอง ทำให้หลายแห่งพากันเปิดคอร์สการเรียนการสอน ที่มุ่งเน้นจุดประสงค์เชิงพาณิชย์มากกว่าการค้นคว้าวิชาความรู้ ขณะที่ภาครัฐแม้จะประกาศถึงความสำคัญ ของงานวิจัย แต่เงินทุนสนับสนุนกลับไม่เป็นเช่นนั้น เช่นเดียวกับปัญหาทางโครงสร้างของการให้เงินทุนวิจัย ที่มีระเบียบให้นักวิชาการรายงานความคืบหน้างานวิจัยทุกๆ 6 เดือน ทำให้กลายเป็นว่าบรรดานักวิชาการถูกบีบให้ทำงานวิจัยระยะสั้น แทนที่จะเป็นงานวิจัยระยะยาวที่ได้ผลประโยชน์มากกว่าการจัดอันดับมหาวิทยาลัยภูมิภาคเอเชีย ครั้งนี้ นิตยสารไทม์ส ไฮเออร์ เอ็ดดูเคชั่น เปิดเผยด้วยว่า สำหรับสถาบันอันดับ 1 ที่ครองแชมป์มาแล้ว สามปีซ้อน คือมหาวิทยาลัยสิงคโปร์ ตามด้วยอันดับ 2 มหาวิทยาลัยซิงหัวของจีน อันดับ 3 มหาวิทยาลัยปักกิ่งของจีน อันดับ 4 มหาวิทยาลัยฮ่องกง อันดับ 5 มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮ่องกง และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยางของสิงคโปร์ อันดับ 6 อันดับ 7 มหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกง อันดับ 8 มหาวิทยาลัยโตเกียวของญี่ปุ่น อันดับ 9 มหาวิทยาลัยแห่งชาติกรุงโซลของเกาหลีใต้ และอันดับ 10 สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นสูงแห่งเกาหลีของเกาหลีใต้ นอกจากนี้ ญี่ปุ่นเป็นชาติที่มีมหาวิทยาลัยติดอันดับมากที่สุด รวมทั้งหมด 89 แห่ง ตามด้วยจีนมีมหาวิทยาลัยติดอันดับ 63 แห่ง ส่วนมาเลเซียได้รับเกียรติติด 50 อันดับต้นเป็นครั้งแรก คือมหาวิทยาลัยมาลายา ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ |
โพสเมื่อ : 11 ก.พ. 61 อ่าน 1883 ครั้ง คำค้นหา : |