![]() |
เผยต้องยืดหยุ่นไม่ซ้ำซ้อน เชิญชวนประชาชนร่วมแสดงความเห็น ศ.นพ.จรัส สุวรรณเวลา ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการอิสระฯว่า เนื่องจากการปฏิรูปการศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปทั้ง 13 ด้าน จึงต้องนำการปฏิรูปการศึกษาไปรวมกับการปฏิรูปด้านอื่นๆ ภายในเดือน ธ.ค.นี้ ดังนั้น จึงให้คณะอนุกรรมการทุกคณะในคณะกรรมการอิสระฯวางกรอบการปฏิรูปว่าควรเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษามีลักษณะพิเศษเพราะเกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 และความต้องการของสังคม ดังนั้น จึงต้องเดินหน้าพันธกิจที่เป็นความคาดหวังของสังคมให้เห็น เป็นรูปธรรม ซึ่งสิ่งแรกที่จะเกิดขึ้นคือ กองทุนที่จะสร้าง ความเสมอภาคทางการศึกษาและลดความเหลื่อมล้ำ โดยในการประชุมสัปดาห์หน้าจะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา จากนั้นจะปรับร่าง พ.ร.บ.ก่อนเสนอต่อรัฐบาลต่อไป ด้าน ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานอนุกรรมการกองทุน กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญกำหนดว่าจะต้องเสนอร่างกฎหมายและให้มีผลบังคับใช้ต้นเดือน เม.ย.2561 แต่เนื่องจากมีเวลาไม่มาก ดังนั้นระหว่างการรับฟังความคิดเห็นก็จำเป็นต้องจัดทำร่าง พ.ร.บ.คู่ขนานกันไป ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวมีสาระ สำคัญคือ การกำหนดถึงแหล่งที่มาของเงินทุน ซึ่งแหล่งใหญ่คืองบประมาณแผ่นดิน แต่จะมีการเปิดช่องให้สามารถที่จะหาเงินทุนจากรูปแบบอื่นได้ อาทิ เงินบริจาคที่จะได้รับสิทธิประโยชน์จากการลดหย่อนภาษี เงินรายได้จากสลากกินแบ่งรัฐบาล และการผสมผสานกับการช่วยเหลือของภาคเอกชน “กระบวนการจะกำหนดให้ยืดหยุ่นไม่ใช่ทำเองหรือทำซ้ำซ้อน แต่จะเปิดโอกาสให้เข้าไปร่วมเสริมเพื่อเพิ่มคุณภาพ มีระบบการกำกับดูแลเรื่องธรรมาภิบาล มีคณะกรรมการบริหาร มีระบบการตรวจสอบและการประเมิน ที่สำคัญไม่ใช่ตั้งขึ้นมาแล้วจะอยู่ชั่วกัลปาวสานแต่อาจจะมีระยะเวลา เช่น 10 ปี แต่หากประเมินพบว่ายังมีความจำเป็นและคนเห็นประโยชน์ก็สามารถอยู่ต่อได้” ดร.ประสานกล่าวและว่า อยากขอเชิญชวนประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาก่อนที่จะนำเสนอร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป. ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ |
โพสเมื่อ : 13 ก.ย. 60 อ่าน 1424 ครั้ง คำค้นหา : |