รมว.ศธ. รับฟังนักเรียน สัญญาจะไม่มีการคุกคามจากครู อาจารย์ เจ้าหน้าที่



“ณัฏฐพล” เสียดายไม่ได้มีโอกาสพูดกับนักเรียนกลุ่มใหญ่ ลั่น พร้อมเปิดเวทีรับฟังนักเรียน ชี้ การแสดงออกเป็นเรื่องดี สัญญาจะไม่มีการคุกคามจากครู อาจารย์ เจ้าหน้าที่ แต่ขอให้อยู่ในกฎระเบียบ

เมื่อเวลา 17.52 น. วันที่ 19 ส.ค. 2563 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์หลังออกไปรับฟังข้อเรียกร้องของกลุ่มนักเรียน ที่มารวมตัวผูกโบขาว ชู 3 นิ้ว ว่า ตนเองเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็น และพร้อมรับฟัง ซึ่งวันนี้ได้ฟังน้องๆ เพียงกลุ่มเล็กๆ เนื่องจากแกนนำให้ไปอยู่ท้ายแถว พบว่าจริงๆ แล้วข้อเรียกร้องของน้องๆ นักเรียน ไม่เกี่ยวกับการเมืองมากนัก ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับการพัฒนาระบบการศึกษาไทย รู้สึกยินดีและดีใจที่นักเรียนให้ความใส่ใจอนาคตของเขา เป็นอนาคตของเราทุกคนด้วย และคิดถึงเพื่อนๆ ที่ไม่ได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียม ตนเองและกระทรวงกำลังหาแนวทางปรับหลักสูตร เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์โลก ทันต่อการแข่งขันปัจจุบัน

ทั้งนี้ สิ่งที่กลุ่มดังกล่าวเรียกร้องไม่ได้เกินความคาดหมาย หลายเรื่องอยู่ในขั้นตอนกระบวนการ แต่ที่เรายังไม่ตกผลึก คือ การสื่อสารระหว่างผู้บริหารและนักเรียนเพราะช่องทางยังไม่ได้เปิดกว้าง หลังจากพรุ่งนี้เป็นต้นไปก็พร้อมที่จะเปิดช่องทางกระบวนการรับฟังประมาณ 2-3 สัปดาห์ โดยให้น้องๆ นักเรียนแสดงความคิดเห็นและข้อเรียกร้องผ่านสภานักเรียนทั่วประเทศซึ่งเป็นตัวแทนของเขาที่จะไปพูดคุยกับผู้บริหารโรงเรียน ก่อนจะนำมารวบรวมเพื่อดูว่าปัญหาอะไรที่น้องๆ ต้องการให้ได้รับการแก้ไขมากที่สุด

รมว.ศึกษาธิการ ย้ำว่า ทุกเรื่องที่มีข้อเสนอแนะเข้ามา ได้ขอให้น้องๆ คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศ ซึ่งกลุ่มเล็กๆ ที่ได้คุยกันตอบรับดีพอสมควร เขาถามเรื่องงบประมาณการศึกษาที่ถูกตัดทุกปี เป็นเรื่องที่เขาสนใจว่างบประมาณที่มาถึงนั้นไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย รวมถึงอยากให้มีการใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก ซึ่งรัฐบาลอนุมัติเรื่องนี้อยู่แล้ว โดยสร้างความเข้าใจกันและกัน

“เขาขอมาว่าสามารถแสดงออกได้ไหม ผมสัญญาด้วยซ้ำว่าจะไม่มีการคุกคามจากครู อาจารย์ เจ้าหน้าที่ ถ้าแสดงออกในขอบเขต หวังว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่เสียดายที่เป็นการพูดในกลุ่มที่เล็ก ไม่ได้พูดกับแกนนำ ถ้าหากได้พูดให้น้องๆ เข้าใจ จะลดเรื่องประเด็นต่างๆ กันไป แต่เป็นสิทธิของแกนนำเขา น้องๆ อายุขนาดนี้ให้ความสนใจอนาคตตัวเองและชาติเป็นเรื่องดี แต่การรับฟังต้องเข้าใจบริบทข้อมูลด้วย ที่มาที่ไปคืออะไร และการแสดงออกที่เห็นต่างจากกลุ่มของตัวเองก็เป็นสิทธิเช่นกัน ไม่ควรเกิดบูลลี่หรือคุกคาม เรื่องสุดท้ายที่จะบอกคือ อนาคตของประเทศไทย อยู่ในมือของเขาจะขับเคลื่อนไปทางไหน พิจารณาดีๆ ว่าจะทำให้เกิดความไม่มั่นใจในการลุงทุนหรือไม่ ต้องคิดด้วย พวกเราอยู่ไม่นาน แต่เขายังอยู่อีกนาน”

พร้อมกันนี้ นายณัฏฐพล กล่าวต่อไปถึงการชู 3 นิ้ว ขณะเคารพธงชาติ มองว่าน้องๆ ทุกคนรักชาติ แต่การยืนตรงเพื่อแสดงความเคารพขณะเพลงชาติดังขึ้นก็เป็นมาตรฐานที่โลกทำกัน น้องๆ ก็ถามว่าแล้วทำไมเราต้องเหมือนคนอื่น ตนยังตอบตรงนี้ไม่ได้ เพราะมุมมองความคิดแตกต่างกันไป อาจจะมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ส่วนเรื่องการไว้ผมยาวของนักเรียน ส่วนตัวไม่มีปัญหา ก็ให้ผู้บริหารกระทรวงพิจารณาดู เพราะเชื่อว่าไม่กระทบการศึกษา ขณะที่การไม่ปลดล็อกยูนิฟอร์มชุดนักเรียนนั้น ถ้าแก้ได้ก็จะพยายาม แต่ก็เป็นระเบียบวินัยวงกว้าง ตนเองบอกน้องๆ ไปว่าในวัยทำงานหลายบริษัทมียูนิฟอร์ม ต้องฝึกไว้ ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ อยากรักษาตรงนี้ไว้ ซึ่งน้องๆ ก็พูดกลับมาว่าหลายบริษัทก็ไม่มียูนิฟอร์ม

“ผมไม่ได้ไปไหน ผมอยู่ที่นี่ จะแก้ปัญหาโครงสร้างการศึกษาไทย ถ้ายอมรับความจริงเรามีโอกาสพัฒนา นี่คือเรื่องหลักที่อยากจะแก้ และบอกได้แน่นอนว่าการแสดงออกเป็นสิทธิของนักเรียน แต่ต้องอยู่ในกฎระเบียบ ครูก็ต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ด้วย เดี๋ยวจะย้ำไป ส่วนที่มีการเป่านกหวีดก็ไม่เป็นไร เราต้องก้าวข้ามความยั่วยุ ความแตกแยก เราต้องการความร่วมมือจากทุกคนเพื่อเดินหน้าไปได้ วิกฤติตอนนี้หนักหนาสาหัส จับมือไปด้วยกันเพื่ออนาคตของเราเอง และการแสดงสัญลักษณ์เป็นส่วนหนึ่งการแสดงออก แต่ทำไมเราถึงไม่หาทางออกที่แตกต่างจากที่เคยเห็นมา ซึ่งการทำแบบนั้นทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้อย่างไม่เต็มที่ แต่หากพลิกไปในทางอื่นอาจจะแก้ปัญหาได้ ก็ได้”

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่กำลังให้สัมภาษณ์นั้นถึงเวลาเคารพธงชาติพอดี รมว.ศึกษาธิการ ได้ลุกขึ้นเคารพธงชาติพร้อมๆ กับสื่อมวลชน ก่อนกลับมาให้สัมภาษณ์ต่อว่า พร้อมจะเปิดช่องทางให้นักเรียนนำเรื่องต่างๆ มาร้องทุกข์ แต้ต้องมั่นใจก่อนว่าชื่อและข้อมูลต่างๆ ของนักเรียนจะได้รับการปกป้อง พร้อมกันนี้ มองว่าหากมีเวทีชัดเจนให้ได้แสดงออก เชื่อว่าจะช่วยลดความกดดันผ่านการชุมนุม เราจะรวบรวมมาทั้งประเทศ เด็กๆ คิดอะไร แต่การแสดงออกต้องมีขอบเขต ไม่ได้ให้เป็นความก้าวร้าว หรือข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ตราบใดที่ไม่หยาบคาย ไม่ก้าวล่วง เรารับฟังได้ และหลังจากวันนี้ไปหากประกาศชัดว่ามีเวทีรับฟังน่าจะลดความกดดันของครูลงไปได้ด้วย ก่อนจะทิ้งท้ายว่า นายกรัฐมนตรี บอกว่าทุกอย่างต้องทำด้วยความเข้าใจ เราก็พร้อมเปิดกว้างในการรับฟัง เปิดเวที ส่วนคำพูดว่า รักชาติมากกว่ารัฐบาล ก็ไม่มีปัญหา รัฐบาลมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ ไม่ได้กังวลอะไร เราทุกคนมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ.

ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ


โพสเมื่อ : 21 ส.ค. 63   อ่าน 1357 ครั้ง      คำค้นหา :