ผ่านร่าง พ.ร.บ.กองทุนฯลดเหลื่อมล้ำ



ประเดิมพันล้าน-งบศึกษาร้อยละ 5 ต่อปี นายกฯย้ำอย่าทำงานซ้ำซ้อน

เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ที่สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา ในฐานะประธานอนุกรรมการกองทุน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมามีมติเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. ...ตามที่คณะกรรมการอิสระฯเสนอ ขั้นตอนจากนี้จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นเรื่องเร่งด่วน ก่อนเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งเป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนด คาดว่าจะสามารถประกาศใช้ได้ภายในเดือน เม.ย.2561 ทั้งนี้ กองทุนฯจะมีสถานะเป็นนิติบุคคล ช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เสริมสร้างและพัฒนาคุณภาพครู อาจารย์ โดยรัฐบาลจัดสรรทุน ประเดิม 1,000 ล้านบาท พร้อมเงินอุดหนุนที่รัฐจัดสรรให้เป็นรายปี ซึ่งต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของงบประมาณแผ่นดินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา และเงินรายได้จากการจำหน่ายสลากกินแบ่ง ร่วมทั้งเงินบริจาคที่หักภาษีได้ 2 เท่า

ดร.ประสารกล่าวอีกว่า สำหรับเป้าหมาย และพันธกิจที่กองทุนฯต้องดำเนินการ 3 เรื่อง หลักคือ 1.จัดทำฐานข้อมูล สถานะความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการศึกษาของไทย ที่มีความน่าเชื่อถือสามารถวิเคราะห์ ชี้เป้า และวางยุทธศาสตร์ที่จะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำได้ 2.เสริมพลังให้กับหน่วยงานหรือองค์กรที่ดำเนินการเรื่องนี้ อาทิ สนับสนุนเม็ดเงินให้องค์กรที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหา และ 3.กองทุนฯต้องมีกลไกการประเมินผลที่ดีว่าดำเนินการแล้วได้ผลหรือไม่ ทั้งนี้ ต้องไม่สร้างความคาดหวังที่เกินจริงว่ากองทุนฯดังกล่าวจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาความยากจนในเวลาอันสั้น เพราะงบฯที่ได้รับปีละ 2-3 หมื่นล้านบาทกับโจทย์ยังห่างไกลกันมาก แต่อย่างน้อยก็จะได้รับโอกาสและการพัฒนาศักยภาพที่จะช่วยตัวเอง สังคม และประเทศชาติ และหากรู้จักบริหารก็จะสร้างผลลัพธ์ให้เกิดขึ้นได้ แต่การทำงานต้องมีข้อมูลยุทธศาสตร์และการโฟกัสที่ดี โดยเด็กทุกคน ไม่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือเท่ากันหรือใช้วิธีเฉลี่ยให้ทุกคน ที่สำคัญอยากให้ 5% นี้มีอิทธิพลทั้งทางตรงและทางอ้อมต่องบด้านการศึกษาที่เหลืออีก 95%

“หลังจากนี้อนุกรรมการฯ จะยกร่างระเบียบที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.กองทุนฯ ซึ่งนายกฯเห็นด้วยที่จะกำหนดงบฯให้ชัดเจน พร้อมเน้นย้ำว่าการทำงานของกองทุนฯต้องไม่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่น” ดร.ประสารกล่าว.

ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ


โพสเมื่อ : 23 พ.ย. 60   อ่าน 1582 ครั้ง      คำค้นหา :