นั่งเก้าอี้ผู้บริหารต้องมีทักษะเบื้องต้น
“ณัฏฐพล” ย้ำ ก.ค.ศ.วางหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน ดันโอนย้ายข้ามองค์กรหลักนายณัฏฐพล
ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า
ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.)
ได้หารือถึงเรื่องหลักเกณฑ์การเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารของ ศธ.
ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าการเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารทุกภาคส่วนของ ศธ.
ไม่ว่าจะเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน รองผู้อำนวยการโรงเรียน
ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา
ผู้อำนวยการสถาบันการศึกษาทุกระดับจะต้องมีทักษะเบื้องต้นในหลายๆเรื่อง
ทั้งภาษาอังกฤษที่สื่อสาร การใช้เทคโนโลยี มีความมั่นคงด้านการเงิน
ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญสำหรับการเป็นผู้บริหาร รวมถึงทักษะอื่นๆ
ที่เกี่ยวข้องกับความรู้ในการบริหารองค์กร รมว.ศธ.กล่าวต่อว่า
นอกจากนี้
ที่ประชุมยังอนุมัติให้สามารถโอนย้ายตำแหน่งระหว่างหน่วยงานภายใน ศธ.ได้
เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการทำงาน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ เช่น สายสามัญ
ซึ่งอาจมีนักเรียนจำนวนน้อยลง
ขณะที่เราต้องการผลักดันการศึกษาด้านอาชีวศึกษามากขึ้น
จึงมีความจำเป็นต้องมีจำนวนครูสายอาชีวะ
รวมถึงต้องยอมรับว่าอัตราเงินเดือนของครูบางสาขา เช่น ธุรกิจการราง
หุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ ดิจิทัล อาจต้องใช้ครูที่มีความรู้พื้นฐาน ทักษะ
ความสามารถและผลตอบแทนที่เพิ่มมากขึ้นกว่าการบรรจุในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เบื้องต้นการโอนย้ายครั้งนี้จะเป็นการโอนย้ายไปในตำแหน่งที่มีอัตราเกษียณว่างอยู่
เชื่อว่าจะทำให้การทำงานของ ศธ.กระชับและคล่องตัวมากขึ้น “ที่ประชุมหารือกันมากเรื่องกฎเกณฑ์ต่างๆที่อยากให้มีการวางเกณฑ์ที่ชัดเจนมากขึ้นในอนาคต
เช่น แนวทางการวางแผนของ ก.ค.ศ. ซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญที่สุดของ ศธ.
เราต้องนำเรื่องเหล่านี้มาหารือกัน เพื่อชี้แจงให้ผู้อำนวยการโรงเรียน,
รองผู้อำนวยการโรงเรียน และผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.)
ได้รับรู้ถึงความต้องการพื้นฐานของการเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหาร
ซึ่งจะมีความเข้มข้นมากขึ้น” นายณัฏฐพลกล่าว
ส่วนที่มีข้อเสนอให้หน่วยงานที่ใช้ครูสามารถกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกได้เองนั้น
เรื่องนี้คงต้องมาดูข้อมูล ความต้องการต่างๆ
เพื่อจะได้ใช้ข้อมูลนั้นมาประกอบการตัดสินใจให้ถูกต้อง
โดยผู้บริหารสามารถนำข้อมูลมาเสนอได้ประมาณต้นเดือนธันวาคม และในอนาคต
ก.ค.ศ. ก็ยังคงอยู่ เพราะเป็นหน่วยงานที่สำคัญ
เพียงแต่ต้องมีการกระจายอำนาจ เช่น โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย
ที่จะมีการผลักดันให้เป็นนิติบุคคล โดยจะนำผู้บริหารลงไปศึกษาดูงาน
รับฟังปัญหา คาดว่าจะใช้เวลา 2-3 สัปดาห์
ก็จะทราบว่าหากจะเพิ่มความเป็นเลิศให้กับโรงเรียนจุฬาภรณฯจะต้องสนับสนุนอย่างไรบ้าง. ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ
|
โพสเมื่อ :
28 พ.ย. 62
อ่าน 1508 ครั้ง คำค้นหา :
|
|