ดึง "ศาสตร์พระราชา" ยกเครื่องศึกษา

เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ที่สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวภายหลังการพบปะคณะกรรมการอิสระด้านการปฏิรูปการศึกษา ที่มี นพ.จรัส สุวรรณเวลา เป็นประธาน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการพบปะหลังมีการแต่งตั้งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 พร้อมด้วยผู้บริหารองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า วันนี้ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ของวงการศึกษาไทย และเป็นผลงานชิ้นสำคัญที่สุดของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลที่ได้มีการแต่งตั้งคณะ กรรมการชุดนี้ ตนถือว่าคณะกรรมการชุดนี้จะเป็นความหวังและเป็นแสงสว่างในการผลักดันเรื่องการปฏิรูปการศึกษาให้เกิดขึ้นกับประเทศไทย จึงไม่รู้สึกกังวลอะไร

ด้าน นพ.จรัส กล่าวว่า จะเห็นได้ว่าประเทศไทยมีความพยายามที่จะปรับปรุงการศึกษาให้มีความสำเร็จยิ่งขึ้น จึงมีการตั้งคณะกรรมการอิสระ ขึ้นมา โดยจุดสำคัญอยู่ที่คำว่าอิสระ คือ การปล่อยให้มีความเป็นอิสระทางความคิด แต่ไม่ได้ปล่อยให้เริ่มต้นใหม่จากศูนย์ เพราะปัจจุบันมีข้อมูลมากมายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาที่ ศธ. และคณะกรรมการอิสระ
สามารถนำมาใช้ได้ทันที ซึ่งแนวทางที่คณะกรรมการอิสระจะคิดและกำหนดออกมาจะต้องเป็นสิ่งที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ระยะเวลา 104 สัปดาห์หรือ 2 ปี ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด แม้จะไม่มากแต่ก็จะพยายามทำให้ถึงจุดที่จะสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง

นพ.จรัสกล่าวอีกว่า จากข้อมูลทั้งในและต่างประเทศเห็นได้ชัดว่าประเทศไทยมีโอกาส และความหวังอีกมากในการแข่งขัน เราควรดีมากกว่านี้ได้อีก หากการศึกษาเราดีกว่านี้ สิ่งที่เป็นปัญหาหนักสุดขณะนี้คือเรื่องคุณภาพ รองลงมาคือ ความเหลื่อมล้ำ ถือเป็นเป้าหมายสูงสุดที่คณะกรรมการ ต้องทำให้เกิดขึ้นให้ได้ การปฏิรูปการศึกษาที่ผ่านมา พ.ศ.2542 และ พ.ศ.2553 มีความก้าวหน้า เจริญขึ้นมาในระดับหนึ่ง แต่โดยสภาพก็ยังไปไม่ถึงไหน อีกทั้งประเทศก็ยังถดถอยลงด้วยซ้ำ จึงเป็นคำถามใหญ่มากว่าเราจะปรับปรุงเรื่องนี้อย่างไร แต่อย่างน้อยเราก็มีศาสตร์ของพระราชา ที่พระองค์ทรงสอนคนไทยไว้มากมาย และนี่จะเป็นคำตอบของเรา ถือเป็นพลังของแผ่นดิน และยิ่งเรามีความเป็นไทยอยู่ด้วยแล้ว การขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาจะต้องประสบความสำเร็จได้.

ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ