![]() |
ปัญหาหนี้ครูบทนำมติชน
ปัญหา หนี้สินครูกลายเป็นปัญหาให้รัฐบาลต้องวางแผนผลักดันมาตรการแก้ไขอย่างเร่ง ด่วน ดังที่ นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่าครูกู้ยืมเงินจากธนาคารออมสินประมาณ 460,000 คน เป็นเงินประมาณ 500,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นหนี้นอกระบบและหนี้ที่กู้ยืมจากสหกรณ์ออมทรัพย์ต่างๆ อีกประมาณ 700,000 ล้านบาท รวมแล้วเป็นเงินประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท ข้อมูลกรมตรวจบัญชีสหกรณ์นระบุว่าครูมีหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์และธนาคารเฉลี่ย ประมาณ 1.6 ล้านบาทต่อคน อย่างไรก็ตามมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าไม่มีข้อมูลการสำรวจทรัพย์สินครู ซึ่งครูหลายคนมีทรัพย์สินที่เกิดจากการนำเงินกู้ที่เป็นหนี้สินไปลงทุน เช่น ซื้อที่ดิน หรืออสังหาริมทรัพย์อื่น การนำเสนอเฉพาะหนี้สินจึงเป็นข้อมูลที่ไม่รอบด้าน การวางแผนแก้ปัญหาอาจไม่ตรงจุด ที่น่าสนใจ ได้แก่ รายละเอียดในการก่อหนี้ของครู ซึ่งมีลักษณะคล้ายๆ กัน กล่าวคืออาชีพครูถือเป็นอาชีพที่มีเครดิตการเข้าถึงแหล่งเงินต่างๆ ทำได้ง่าย ครูบางคนกล่าวว่าเป็นหนี้มาตลอดชีวิตก็ว่าได้ เพราะกู้เงินมาเรียน เมื่อสอบบรรจุได้ระยะแรกๆ ยังไม่ได้เงินเดือน ต้องกู้เงินมายังชีพ จากนั้นรายจ่ายในชีวิตจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการแต่งงาน มีครอบครัว มีลูก การมีรถ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ เครื่องเสียง ฯลฯ เมื่อถึงบั้นปลายของชีวิตราชการอาจมีหนี้สินเป็นล้านบาท ต้องไปชำระต่อในช่วงเกษียณอายุ ครูอีกไม่น้อยกู้เงินมาทำธุรกิจเพื่อยกระดับฐานะของตนเอง มีทั้งทำร้านอาหาร ทำรีสอร์ต สวนยางพารา ฯลฯ แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจ การแข่งขัน ไปจนถึงความสามารถในการบริหาร ทำให้ธุรกิจล้มเหลวกลายเป็นหนี้ก้อนใหญ่มากขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดก็ คือ เมื่อครูติดอยู่ในหล่มของหนี้สินเช่นนี้จะส่งผลกระทบต่อการเรียนการสอนหรือ ไม่ เชื่อว่ากระทรวงศึกษาธิการและรัฐบาลคงตระหนักดี รัฐบาลมีนโยบายปฏิรูปการศึกษา ขณะที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงคุณภาพการศึกษาไทยก็ยังดูเป็นเรื่องที่แก้ไม่ ตก และสวนทางกับการพัฒนาของทรัพยากรบุคคลของประเทศเพื่อนบ้าน การเร่งแก้ไขปัญหาหนี้สินของครู จึงเป็นการขจัดอุปสรรคของการปฏิรูป และมีผลต่อคุณภาพของนักเรียน แต่นอกจากเร่งแก้ไขแล้ว ยังต้องค้นหาสาเหตุและหาทางป้องกันด้วยเพื่อมิให้ปัญหานี้ย้อนกลับมาอีก และส่งผลต่อคุณภาพของเยาวชนไทย
|
โพสเมื่อ : 09 พ.ย. 58 อ่าน 1461 ครั้ง คำค้นหา : |