สกสค.-ออมสินสั่งโละสัญญายุค “เกษม”

หวังยุติข้อขัดแย้ง-เดินหน้าร่างใหม่ “พิษณุ” ย้ำหลักการเป็นหนี้ต้องชำระ

ดร.พิษณุ ตุลสุข รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการ สกสค. นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบถึงการหารือกับนายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กรณีธนาคารออมสินหักเงินจากบัญชีกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคง ตามโครงการสวัสดิการเงินกู้การฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากร ทางการศึกษา (ช.พ.ค.) โครงการ 6 จำนวน 9,600 ล้านบาท โดยออมสินยังยืนยันว่าสิ่งที่ดำเนินการมาทั้งหมดถูกต้อง ขณะที่ สกสค.มองว่าเป็นการหักเงินโดยพลการ ดังนั้น เพื่อให้เรื่องนี้มีข้อยุติโดยไม่ต้องส่งเร่ืองให้อัยการสูงสุดตีความ จึงมีข้อตกลงร่วมกันว่าจะยกเลิกสัญญาความร่วมมือเดิมทั้งหมดที่เคยทำไว้กับธนาคารออมสินสมัยนายเกษม กลั่นยิ่ง อดีตประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ และให้ออมสินกับ สกสค.ไปหาแนวทางสร้างข้อตกลงความร่วมมือขึ้นมาใหม่เพื่อให้เกิดความถูกต้อง

เลขาธิการ สกสค. กล่าวอีกว่า สำหรับข้อตกลงความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นใหม่นั้นต้องมาหารือกันอีกครั้ง ซึ่งทั้งออมสินและ สกสค.ต้องช่วยกันติดตามหนี้ รวมทั้งต้องลดจำนวนผู้ขอกู้ให้ได้ และต้องมีระบบตรวจสอบด้วยว่าผู้กู้มีการชำระหนี้ของผู้กู้มากน้อยแค่ไหน โดยหลังจากนี้จะนัดหารือกับออมสินเพื่อร่างข้อตกลงความร่วมมือใหม่และจะประกาศใช้ในเดือน มิ.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มียอดเงินพุ่งสูงจากเดิม 9,600 ล้านบาท เป็นกว่า 10,000 ล้านบาทแล้ว ซึ่งออมสินเองก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะไม่จ่ายเงินคืน แต่อาจจ่ายคืนแบบมีเงื่อนไข

อาทิ ทยอยจ่าย หรือช่วยกันติดตามทวงหนี้ ทั้งนี้หลักการสำคัญคือครูที่เป็นหนี้ต้องมีการชำระหนี้ ไม่เช่นนั้นจะเป็นแฟชั่นตามกันว่ากองทุนมาช่วยชำระหนี้ให้เลยไม่ชำระหนี้ เพราะต่อให้กองทุนมีเงินอยู่หมื่นล้านบาทก็ไม่พอจ่าย เพราะหนี้ทั้งหมดในโครงการนี้มีมากถึงสามแสนล้านบาท ส่วนข้อเสนอของเครือข่ายครูที่อยากให้ สกสค.ติดต่อสถาบันการเงินอื่นมาซื้อหนี้จากธนาคารออมสิน และครูทั่วประเทศจะงดทำธุรกรรมกับทางธนาคารออมสินนั้น ประเด็นนี้ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ดี และตนคิดว่าออมสินเองก็คงไม่อยากทะเลาะกับครู ดังนั้นแนวทางใดที่ออมสินพอจะรับเงื่อนไขได้ก็คงจะต้องรับไว้พิจารณา.

ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ