เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ที่สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) นพ.จรัส สุวรรเวลา ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการอิสระฯ ว่า ที่ประชุมมีมติแต่งตั้ง นางดารณี อุทัยรัตนกิจ และนายวิวัฒน์ ศัลยกำธร เป็นรองประธานคณะกรรมการอิสระฯ รวมถึงมีมติเห็นชอบแต่งตั้งนายเฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ และนางภัทรียา สุมะโน เป็นโฆษก นอกจากนี้ยังแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ 5 กลุ่ม ซึ่งแบ่งตามภาระกิจ ดังนี้ คณะอนุกรรมการเด็กเล็ก มีนายวิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์ เป็นประธาน คณะอนุกรรมการกองทุน มีนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล เป็นประธานคณะอนุกรรมการครู มีนายวิวัฒน์ เป็นประธาน คณะอนุกรรมการการจัดการเรียนการสอน มีนางยุวดี นาคะผดุงรัตน์ เป็นประธาน และคณะอนุกรรมการโครงสร้าง มีนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร เป็นประธาน และมีมติแต่งตั้ง นายนายตวง อันทะไชย เป็นประธานคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นและสื่อสารสังคม ซึ่งคณะอนุกรรมการชุดนี้ จะเชิญบุคคลภายนอกมาร่วมเป็นกรรมการเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ต่อไป รวมถึงได้เปิดเฟซบุ๊คและไลน์ ชื่อกลุ่ม “ร่วมปฏิรูปการศึกษาไทย เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่าง ๆโดยคณะกรรมการอิสระฯ จะรวบรวมเพื่อนำความคิดเห็นทั้งหมดวิเคราะห์ และหาข้อสรุปเพื่อวางแนวทางการปฏิรูปการศึกษาเสนอต่อรัฐบาลต่อไป นพ.จรัส กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังได้มีการนำเสนอข้อมูล ปัญหาการศึกษาไทย ที่หลายฝ่ายได้ศึกษามา โดยในส่วนของสกศ. นำเสนอผลการศึกษา ปัญหาการศึกษาไทย ซึ่งได้ถูกนำไปกำหนดแนวทางแก้ไขในแผนการศึกษาชาติระยะ 20 ปีแล้ว ข้อมูลที่สกศ.ได้วิเคราะห์ปัญหาการศึกษาไทยออกมาอย่างชัดเจน ตรงไปตรงมา ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเข้าไปแก้ไข มีทั้งปัญหาการจัดการศึกษาสำหรับผู้พิการ เด็กที่หลุดจะระบบการศึกษา ซึ่งจากรายงานพบว่ามีถึง 90,000-100,000 คนต่อปี ทั้งหมดรวมอยู่ในปัญหาความเหลื่อล้ำทางการศึกษา ปัญหาคุณภาพการศึกษา คุณภาพครู การจัดการเรียนการสอน ที่เราต้องเข้าไปแก้ไข ขณะเดียวกันยังนำผลการวิเคราะห์ปัญหาการศึกษา ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มาพิจารณาด้วย การปฏิรูปครั้งนี้เราไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ แต่ได้มีการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ รวมถึงรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนอย่างกว้างขวางเพื่อทำข้อเสนอไปยังรัฐบาล หรือบางเรื่องหากจำเป็นต้องออกเป็นกฎหมายก็เสนอไปก่อน “ส่วนเรื่องการปรับโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) นั้น โครงสร้างใหญ่เราคงไม่ไปแตะ แต่มีการพูดคุยถึงการปรับโครงสร้างเล็ก ระดับโรงเรียน ว่าควรจะกระจายอำนาจให้โรงเรียนเป็นนิติบุคคล หรือไม่ และให้ส่วนกลางทำหน้าที่กำกับดูแลให้โรงเรียนสามารถบริหารจัดการตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้มีผู้แสดงความคิดเห็นเรื่องดังกล่าวอย่างหลากหลาย และเห็นว่ามีทั้งโรงเรียนที่มีความพร้อมและไม่พร้อมจึงต้องพิจารณาว่า จะกระจายอำนาจลงไปอย่างไรจึงจะเกิดความเหมาะสม ส่วนการตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา นั้นถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่จะมีคณะกรรมการอิสระฯ ดังนั้นคงต้องเดินหน้าต่อไป เราคงไม่ไปพิจารณาเรื่องนี้อีก”นพ.จรัสกล่าว
|
โพสเมื่อ : 21 มิ.ย. 60 อ่าน 1421 ครั้ง คำค้นหา : |