พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มอบนโยบายการอาชีวศึกษา
ในการประชุมผู้บริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษาภาครัฐและเอกชน ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ.2559 ครั้งที่ 1/2559 เมื่อวันพุธที่ 2 ธันวาคม 2558
ที่หอประชุมวิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี ตำบลบางพูน อำเภอเมืองปทุมธานี
โดยมี พล.อ.สุทัศน์ กาญจนานนท์กุล ที่ปรึกษา รมช.ศึกษาธิการ,
ผู้บริหารส่วนกลาง, ผู้บริหารสถานศึกษาจากสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
(สอศ.) 424 คน
และผู้บริหารสถานศึกษาจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.)
490 คน เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้
ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
กล่าวรายงานการจัดการประชุมว่า
เป็นการประชุมร่วมผู้บริหารสถานศึกษาของภาครัฐและเอกชน
เพื่อรับนโยบายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นครั้งแรก
ซึ่งในปัจจุบันมีสถานศึกษาอาชีวศึกษาทั้งภาครัฐและภาคเอกชนรวม 892 แห่ง
จัดการศึกษาให้กับนักเรียนนักศึกษาประมาณ 1 ล้านคน
ผลิตกำลังคนในทุกสาขาอาชีพเพื่อตอบสนองความต้องการกำลังคนของภาคเอกชนและ
ตามนโยบายของรัฐบาล
โดยการประชุมร่วมกันในครั้งนี้จะเป็นการเริ่มต้นการสร้างความเป็นเอกภาพด้าน
การอาชีวศึกษาของประเทศ ที่จะได้รวมพลังขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล
ทั้งนี้
ผู้เข้าร่วมประชุมจะได้รับฟังบรรยายเกี่ยวกับวิสัยทัศน์และข้อเสนอแนะด้าน
การอาชีวศึกษาจากประธานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของบริษัท ปตท. จำกัด
(มหาชน) ตลอดจนผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
รวมทั้งมีการหารือถึงการรวมอาชีวศึกษาภาครัฐและเอกชนในช่วงท้ายของการประชุม
ด้วย
รมว.ศึกษาธิการ
กล่าวแสดงความรู้สึกยินดีที่ได้พบปะกับผู้บริหารสถานศึกษาอาชีวะทั้งภาครัฐ
และเอกชนในครั้งแรกนี้ ซึ่งต้องการมาย้ำนโยบายการทำงานของอาชีวะเท่านั้น
เพราะที่ผ่านมากระทรวงศึกษาธิการมีความพึงพอใจต่อการดำเนินงานของ สอศ.
ที่สามารถขับเคลื่อนงานไปตามทิศทางที่รัฐบาลและเอกชนต้องการได้เป็นอย่างดี
อยู่แล้ว
ขณะนี้
กระทรวงศึกษาธิการกำลังดำเนินนโยบายที่สำคัญเกี่ยวกับการอาชีวศึกษา คือ
การรวมอาชีวะรัฐและเอกชนเข้าด้วยกัน
โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้การดำเนินงานอาชีวะทั้ง 2 ส่วนก้าวไปพร้อมกัน
มีความเชื่อมต่อกันมากขึ้น ทั้งการเชื่อมต่อระหว่าง สอศ. กับ สช.
และสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (สำนักงาน กศน.)
รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)
อย่างไรก็ตาม
แม้ว่าอาชีวะเอกชนมีจุดประสงค์เพื่อดำเนินธุรกิจทางการศึกษา
แต่ยืนยันว่าเราก็ยังต้องช่วยเหลือกัน
เพราะเอกชนสามารถแบ่งเบาภาระรัฐในการจัดการศึกษาได้เป็นอย่างดี
จึงขอให้ทุกฝ่ายไม่มีอัตตาซึ่งกันและกัน
เพื่อให้การดำเนินงานตามนโยบายเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
ในการนี้ รมว.ศึกษาธิการ ได้มอบนโยบายเกี่ยวกับการจัดอาชีวศึกษา ดังนี้
1 สภาพปัญหาของอาชีวศึกษาในปัจจุบัน
- จำนวนผู้เรียนลดลง อันเนื่องจากภาพลักษณ์ของอาชีวะ การก่อเหตุทะเลาะวิวาทของนักเรียนนักศึกษา และค่านิยมการมีใบปริญญา
- ความไม่เพียงพอของการผลิตกำลังคน ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ ขอให้ สอศ.
หารือและร่วมมือกับภาคเอกชน/สถานประกอบการในการจัดทำแผนการผลิตกำลังคนและ
การเรียนการสอนอาชีวศึกษาร่วมกัน
- มาตรฐานสถานศึกษาที่ไม่เท่าเทียมกัน
เนื่องจากแต่ละแห่งมีปัจจัยและศักยภาพแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นจำนวนครู
ความขาดแคลนครูที่จบตรงสาขา การพัฒนาครู ความพร้อมของสถานที่
เครื่องมือและอุปกรณ์ เป็นต้น จึงต้องนำข้อขัดข้องเหล่านี้มาพิจารณา
เพื่อให้ความช่วยเหลือเท่าที่สามารถดำเนินการได้ต่อไป
- หลักสูตรที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ขณะนี้มีหลายสาขาที่เป็นหลักสูตรใหม่และเป็นความต้องการของตลาดแรงงาน เช่น
หุ่นยนต์ โมเดิร์นฟาร์ม
ซึ่งจะต้องมีการทบทวนหลักสูตรให้มีความทันสมัยมากขึ้น
- การจัดสรรงบประมาณ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2560 เป็นต้นไป
จะมีการทบทวนวิธีการของบประมาณของทุกแท่งทุกสำนัก
โดยจะต้องมีการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ แผนปฏิบัติการ ตัวชี้วัด ระยะเวลา
และผู้รับผิดชอบที่ชัดเจนมาเสนอ
เพื่อให้การของบประมาณสอดคล้องและเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ของกระทรวง
ศึกษาธิการ
ทั้งนี้จะนำข้อมูลการของบประมาณปีที่ผ่านมาหรือก่อนหน้านี้มาเป็นข้อมูลใน
การพิจารณาด้วย
- การบริหารจัดการการอาชีวศึกษา
ที่ผ่านมาการขับเคลื่อนจากส่วนกลางไปยังภูมิภาคต่างๆ
มีกลไกเพียงอย่างเดียวคือ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
จึงต้องการศึกษาว่าการบริหารเช่นนี้ เป็นวิธีการที่ดีหรือไม่อย่างไร
และจะดีกว่าหรือไม่หากจะมีผู้ที่คอยช่วยประสานงานทั้งสองส่วนให้มีความ
เชื่อมโยงกันมากขึ้น
2 นโยบายด้านการอาชีวศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ 9 ข้อ
- การสร้างภาพลักษณ์อาชีวศึกษา
ที่จะช่วยส่งเสริมให้มีผู้สนใจเรียนอาชีวศึกษามากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา
สอศ.ได้จัดทำสื่อเพื่อประชาสัมพันธ์ให้สังคมรับรู้ถึงภาพลักษณ์ที่ดีอย่าง
ต่อเนื่องผ่านสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการประชาสัมพันธ์ หนังสั้น เพลง
การจัดโรดโชว์ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามเห็นว่าควรมีการทบทวนการศึกษาต่อเนื่องระดับปริญญาตรีอีกครั้ง
เพื่อส่งเสริมให้เด็กมาเรียนอาชีวะมากขึ้นและเป็นการสร้างโอกาสในการศึกษา
ต่อระดับปริญญาตรีด้วย
ซึ่งจะต้องมีการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.)
ถึงความเป็นไปได้ในการผลักดันเรื่องนี้ต่อไป
ส่วนการแก้ไขปัญหาทะเลาะวิวาทของนักเรียนนักศึกษาอาชีวะ
ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่และมีผลกระทบต่อสังคมเช่นนี้ นายกรัฐมนตรีให้ความสนใจมาก
จึงขอให้ผู้อำนวยการต้องลงไปเผชิญหน้าและดูแลปัญหาด้วยตนเอง
ไม่ควรสั่งหรือปล่อยให้รองผู้อำนวยการหรือครูที่รับผิดชอบลงไปดูแล
รวมทั้งจะต้องหาช่องว่างของมาตรการต่างๆ
เพื่อนำมาปรับปรุงการดำเนินงานตามมาตรการได้อย่างครบถ้วนและมีประสิทธิภาพ
ต่อไป เพื่อจะได้เห็นรายละเอียดของปัญหา
โดยกล่าวย้ำว่าปัญหาการรับน้องของอาชีวะมีมานานแล้ว
แต่การจะแก้ปัญหากับเด็กไม่ใช่เรื่องง่าย
เพราะยังอยู่ในช่วงวัยที่มีวุฒิภาวะน้อย แต่มีพลังที่ต้องการจะปลดปล่อยมาก
จึงเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องช่วยเหลือให้เขาสามารถปลดปล่อยพลังในทางที่
ถูกที่ควร
- ทวิภาคี
ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสถานศึกษาอาชีวะกับภาคเอกชนในการจัดการ
อาชีวศึกษา
และจากการหารือกับประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
เกี่ยวกับการจัดทำฐานข้อมูลกำลังคนด้านอาชีวศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้
พบว่าทวิภาคีเป็นอีกระบบหนึ่งที่ช่วยให้การจัดการศึกษาตรงกับความต้องการของ
ภาคเอกชน ซึ่งสร้างความพึงพอใจให้กับภาคเอกชนเป็นอย่างมาก
ในขณะเดียวกันนักเรียนและผู้ปกครองก็มีความสุขไปด้วย
นอกจากนี้
ยังได้รับเสียงสะท้อนจากภาคเอกชนถึงข้อขัดข้องของระบบลดหย่อนภาษี
จึงรับที่จะหารือและประสานกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
ในขณะเดียวกันก็ได้แจ้งขอความร่วมมือให้ส่งข้อมูลความต้องการกำลังคนของภาค
เอกชนมาโดยเร็วที่สุด
เพื่อจะได้นำมาวางแผนและจัดทำหลักสูตรแต่ละสาขาวิชาต่อไป
ดังนั้น
เมื่อผลการจัดการอาชีวศึกษารูปแบบทวิภาคีมีผลตอบรับที่ดีต่อทั้งสองฝ่าย
จึงเห็นควรให้มีการขยายผลให้มากขึ้น
โดยขอให้ผู้บริหารอาชีวะเดินหน้าเรื่องนี้อย่างเต็มที่
ทั้งนี้อาจนำผลของความร่วมมือทวิภาคีเป็นตัวชี้วัดหนึ่งในการประเมินผู้
อำนวยการตามบริบทของวิทยาลัยแต่ละแห่งด้วย
- ทวิศึกษา
หรือการจัดการศึกษาเรียนร่วมหลักสูตรอาชีวศึกษาและมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่ง
สอศ.สามารถดำเนินงานได้เป็นอย่างดี
และมีนักเรียนสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้
โดยในปีการศึกษา 2559 จะมีนักเรียนในสังกัด สช. เข้าร่วมนำร่องอีกกว่า
5,000 คน
ทั้งนี้ได้เน้นย้ำถึงคุณภาพทั้งระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและประกาศนียบัตร
วิชาชีพ พร้อมทั้งให้มีการฝึกงานในสถานประกอบการควบคู่ไปด้วย
- การส่งเสริมอาชีวศึกษาให้มีความเป็นเลิศเฉพาะทาง ซึ่ง
สอศ.ได้ทำการคัดเลือกสถานศึกษานำร่องในการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2559-2560
รวม 12 แห่ง
ในสาขาวิชาที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลด้านการส่งเสริมการลงทุนในซุปเปอร์
คลัสเตอร์อุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ ด้านคมนาคม ด้านปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์
ด้านอาหาร ด้านแม่พิมพ์และชิ้นส่วนยานยนต์ ด้านท่องเที่ยวและการโรงแรม
ด้านไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
โดยในอนาคตกระทรวงศึกษาธิการจะขยายผลในสาขาวิชาใหม่ที่เป็นความต้องการมาก
ขึ้น เช่น ระบบราง โมเดิร์นฟาร์ม เป็นต้น ทั้งนี้ได้มอบให้
สอศ.จัดทำรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานเรื่องนี้
เพื่อนำเสนอในการประชุมคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา
(ซุปเปอร์บอร์ดการศึกษา) ครั้งต่อไปด้วย
- การยกระดับอาชีวศึกษาสู่สากล
มีความต้องการที่จะยกระดับการจัดการเรียนการสอนอาชีวศึกษาไทยให้เป็นศูนย์
กลางการอาชีวศึกษาของอาเซียนให้ได้ โดยมีแนวทางที่จะดำเนินการในหลายส่วน
ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งสถานศึกษาที่เป็นความร่วมมือกับประเทศต่างๆ
ดังเช่นโรงเรียนเทคนิคไทย-เยอรมัน
การพัฒนาบุคลากรรองรับการคมนาคมขนส่งระบบราง การยกระดับภาษาอังกฤษ
เพื่อเพิ่มทักษะด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษของเด็กอาชีวะนอกเหนือจากศัพท์
เทคนิคต่างๆ ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสความก้าวหน้าในอาชีพมากขึ้น
นอกจากนี้มีแนวคิดที่จะยกระดับภาษาอังกฤษในระดับอุดมศึกษาในรูปแบบการสอบ
เพื่อจบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้วย ซึ่งขณะนี้มอบให้ นพ.ธีระเกียรติ
เจริญเศรษฐศิลป์ รมช.ศึกษาธิการ หารือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
- กิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้
ได้มอบให้ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวะทุกแห่งสนับสนุนการจัดกิจกรรมลดเวลา
เรียนเพิ่มเวลารู้ โดยจับคู่กับโรงเรียนในพื้นที่
โดยเน้นนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
เพื่อให้ได้มีโอกาสฝึกกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมทั้ง 4H
หรือกิจกรรมที่ฝึกปฏิบัติ/เรียนรู้ หรือกิจกรรมแนะแนวการศึกษาต่อ
เพื่อให้เด็กได้รู้จักตัวเอง และหากเด็กเกิดความชอบ
ก็จะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยเพิ่มผู้เรียนสายอาชีวะมากขึ้น อย่างไรก็ตาม
หากมีผู้บริหารโรงเรียนใดไม่ยอมให้สถานศึกษาของอาชีวะเข้าไปแนะแนวเรื่องการ
ศึกษาต่อ ขอให้รายงานให้ รมว.ศึกษาธิการทราบโดยตรง
- การฝึกอาชีพระยะสั้น ซึ่งสถานศึกษาในสังกัด สอศ.ทั้ง 421
แห่งทั่วประเทศ ได้ร่วมกันจัดการฝึกอบรมให้กับประชาชนจำนวนกว่า 1 ล้านคน
โดยใช้หลักสูตรฝึกอบรมวิชาชีพระยะสั้นในประเภทวิชาขาดแคลน เช่น
วิชาอุตสาหกรรม วิชาบริหารธุรกิจ วิชาศิลปกรรม วิชาคหกรรม วิชาเกษตรกรรม
มีการต่อยอดทักษะอาชีพเดิม และพัฒนาทักษะเสริมอาชีพที่ 2
นอกจากนี้มีแผนที่จะจัดอบรมภาษาอังกฤษร่วมกับภาคเอกชนให้กับผู้ทำงานอยู่ใน
ระบบแรงงานแล้วด้วย
- นโยบายด้านการเงิน ขอย้ำเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณว่า
ไม่ควรใช้งบประมาณแบบหารยาว
แต่จะต้องใช้งบประมาณอย่างมีเหตุมีผลและคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ
ก่อนที่จะมีการจัดสรรงบประมาณ โดยหลักๆ
คือต้องตอบโจทย์ปัญหาและมีผลลัพธ์ที่ชัดเจน
ดังนั้นจึงขอให้มีการทบทวนการจัดสรรงบประมาณด้านการจัดการอาชีวศึกษาตามแนว
ทางนี้ต่อไป
- ทุนการศึกษา ขณะนี้
สอศ.มีทุนการศึกษาเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาจากหลายแหล่ง
ทั้งทุนของภาครัฐและภาคเอกชนให้การสนับสนุน
ทุนในโครงการทุนช่างเทคนิคและบัณฑิตนักปฏิบัติ (TTS)
จึงต้องการให้จัดสรรทุนโดยคำนึงถึงสาขาวิชาที่ขาดแคลนเป็นลำดับแรก
เพื่อส่งเสริมให้มีกำลังคนอาชีวศึกษาไปช่วยพัฒนาขับเคลื่อนประเทศได้มากขึ้น
รมว.ศึกษาธิการ ขอให้เลขาธิการ กอศ. ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานทั้ง
9 นโยบายที่ให้ไว้ในวันนี้อย่างใกล้ชิด และรายงานผลให้ทราบเป็นระยะ
เพื่อจะได้ร่วมกันแก้ไขอุปสรรคหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
3 นโยบายการทำงานของผู้บริหาร สอศ.
- ขอให้ผู้บริหารทุกคนในฐานะที่ทั้งผู้บังคับบัญชา (Commander) ผู้นำ
(Leader) และผู้บริหารระดับสูง (CEO) ที่กำกับดูแลและบริหารงานสถานศึกษา
จะต้องมีความรู้และเข้าใจนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการอย่างถ่องแท้
ตลอดจนนโยบายของการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานและอุดมศึกษา
เพราะต้องทำงานและประสานความเชื่อมโยงกัน
รวมทั้งมีความรู้เรื่องเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศด้วย
- ขอให้มีการวิเคราะห์ SWOT Analysis
เพื่อทบทวนการทำงานของตนเองว่ามีจุดแข็ง-จุดอ่อน-อุปสรรค-โอกาส อย่างไรบ้าง
เพื่อนำมาวางแผนแก้ไขปัญหาในแต่ละเรื่องให้ครอบคลุมผู้มีส่วนได้เสียทั้งภาย
ในและภายนอกสถานศึกษา
- การประเมินสถานศึกษาอาชีวะภาครัฐและเอกชน
ได้ย้ำถึงการประเมินผู้บริหารสถานศึกษาว่า ไม่ควรเป็นแบบ
“ตัดเสื้อตัวเดียวใส่เหมือนกันทุกคน” อีกต่อไปแล้ว
โดยขอให้การประเมินคำนึงถึงปัจจัยและบริบทของสถานศึกษาด้วย
ทั้งนี้ได้ขอให้ผู้บริหารเขียนข้อเสนอแนะ ความต้องการ
และปัญหาอุปสรรคในการทำงานต่างๆ
ตลอดจนวิธีการส่งเสริมผู้อำนวยการที่ดีและเก่ง และลงโทษคนไม่ดี
พร้อมทั้งรวบรวมส่งมาให้ รมว.ศึกษาธิการ เพื่อวิเคราะห์ปรับปรุงการทำงาน
สนองความต้องการ และประสานให้ความช่วยเหลือต่อไป
ที่มา ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ วันที่ 2 ธันวาคม 2558