เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม นายกมล รอดคล้าย
เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.)
กล่าวว่าสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)กำลังรอข้อมูลรายชื่อ
ผู้บริหารสถานศึกษาและข้าราชการครู 727 รายอย่างเป็นทางการจากป.ป.ท.ก่อน
ซึ่งคาดว่าจะมีการแจ้งว่าทั้ง 727รายแต่ละคนเกี่ยวข้องในเรื่องไหนบ้าง เช่น
กรณีผู้ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาสนามฟุตซอลมากหากทางป.ป.ท.ระบุให้ตั้งกรรมการ
สอบสวนทางวินัยเลยก็ต้องตั้งกรรมการสอบ
แต่หากเกี่ยวข้องน้อยไม่ถึงตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยก็ไม่ต้องตั้งกรรมการ
สอบสวนทางวินัย
ทั้งนี้เมื่อป.ป.ท.แจ้งรายชื่อและข้อมูลอย่างเป็นทางการมาแล้วสพฐ.จะแยกราย
ชื่อเพื่อแจ้งไปยังผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา(สพท.)ต้นสังกัด
ให้ดำเนินการตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยในกรณีที่ป.ป.ท.ระบุชัดเจน
แต่หากไม่ได้ระบุว่ามีความผิดอะไรก็จะเก็บรายชื่อไว้ก่อน
“เจ้าหน้าที่นิติกรที่สพฐ.ไปจะส่งลงไปในพื้นที่จ.นครราชสีมา และอุตรดิตถ์
นั้นเป็นการลงไปเพื่อพบปะพูดคุยกับครูไม่ใช่ไปหาลู่ทางเพื่อเอาผิด
แต่เป็นการรับฟังมากกว่า
ซึ่งผมได้เน้นย้ำไปว่าครูจะต้องให้ข้อมูลตามความเป็นจริงเพราะหากให้ข้อมูล
เท็จอาจมีความผิดร้ายแรงได้ ”เลขาธิการกพฐ.
กล่าวและว่าส่วนประเด็นการกันครูไว้เป็นพยานนั้นในวันที่ตนได้ไปหารือกับทาง
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ได้สอบถามประเด็นนี้
แล้วและได้รับคำตอบว่าการกันเป็นพยานนั้นจะครอบคลุมเฉพาะข้าราชการพลเรือน
เท่านั้น
แต่พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ครูและผู้บริหารอยู่
ภายในพ.ร.บ.ฉบับนี้ไม่ได้กำหนดให้กันเป็นพยานได้
แต่หากสุดท้ายเรื่องนี้จะต้องส่งไปให้ทางป.ป.ช.จะมีกฎหมายที่ครอบคลุมข้า
ราชการทุกส่วนสามารถพิจารณากันเป็นพยานได้ในกรณีที่ให้ข้อมูลที่เป็น
ประโยชน์และมีผลต่อการเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องในระดับที่สูงกว่า
ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2557