พงศ์เทพสั่งทำหลักสูตร ปลูกฝังปชต. หวังเด็กยุคใหม่อยู่สันติ ชงครม.ตั้งที่ปรึกษาลุย บช.น.ร่วมศธ.แก้หนี
พงศ์เทพสั่งทำหลักสูตร ปลูกฝังปชต. หวังเด็กยุคใหม่อยู่สันติ ชงครม.ตั้งที่ปรึกษาลุย บช.น.ร่วมศธ.แก้หนีเรียน มั่วสุมลาดพร้าว-ฝั่งธนฯ
'บช.น.'โดย'กก.ดส.'จับมือศูนย์เสมารักษ์ ศธ. ลุยแก้ปัญหาเด็กหนีเรียน เข้ม'ร้านเกม-เน็ต' ปล่อยน.ร.เข้าใช้นอกเวลามีโทษจำคุก 3 เดือน พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (กก.ดส.) กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ถึงสถานการณ์ปัญหาเด็กนักเรียนหนีเรียนว่า สถานการณ์เด็กหนีเรียนในปัจจุบันมีอยู่ทั่วไป ส่วนใหญ่จะไปมั่วสุมกันมากที่สุดตามห้างสรรพสินค้า ตามตู้คาราโอเกะและตู้เกมนอกจากนี้ ยังมีตามโรงภาพยนตร์ สวนสาธารณะ และร้านเกม ร้านอินเตอร์เน็ตทั่วไปโดยจากสถิติส่วนใหญ่จะเป็นเด็กอายุ 15-18 ปีหรือช่วงชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและปลาย ส่วนพื้นที่ที่จับกุมได้มากที่สุดเป็นย่านฝั่งธนบุรี รองลงมาแถบชานเมืองกรุงเทพฯในเขตดูแลของกองบังคับการตำรวจนครบาล 4 (บก.น.4) ย่านบางกะปิ และลาดพร้าว ซึ่งจากสถิติเฉลี่ยต่อ 1 เดือน สามารถจับกุมเด็กหนีเรียนได้ประมาณ160 คน ที่ผ่านมาทาง กก.ดส. และศูนย์เสมารักษ์ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ร่วมกันแก้ปัญหาเด็กหนีเรียน พร้อมทั้งเข้มงวดกวดขันตามแหล่งมั่วสุมต่างๆ ดังกล่าว โดยกำหนดเงื่อนไขการเข้าใช้บริการร้านเกม ร้านอินเตอร์เน็ต และคาราโอเกะ หากเป็นนักเรียนอายุต่ำกว่า 15 ปีจะใช้บริการได้ช่วงเวลา 14.00-19.00 น. ส่วนอายุ 15-18 ปี ใช้บริการได้ช่วง 14.00-22.00 น.ซึ่งเจ้าหน้าที่จะคอยตรวจสอบว่าผู้ประกอบการปล่อยปละละเลยให้เด็กเข้าใช้บริการนอกช่วงเวลาดังกล่าวหรือไม่ หากพบการกระทำผิดผู้ประกอบการจะมีโทษฐานยุยงส่งเสริมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร มีโทษจำคุก 3 เดือนและหากพบทำผิดซ้ำซากจะเพิ่มโทษเมื่อส่งฟ้องศาลให้ลงโทษหนักขึ้น สำหรับการดำเนินการกับเด็กที่หนีเรียนนั้นขั้นตอนภายหลังจับกุมทาง กก.ดส.จะทำประวัติเด็กโดยว่ากล่าวตักเตือนเบื้องต้น และจะเรียกอาจารย์และผู้ปกครองมารับตัวเด็กกลับไปพร้อมทั้งแจ้งให้ทราบว่าเด็กมีพฤติการณ์หนีเรียนอย่างไร จากนั้นจะเรียกตัวเด็กเข้าโครงการโรงพักวิถีพุทธ เพื่อนำตัวเข้าอบรมตามโครงการส่งเสริมพุทธศาสนาและจริยธรรมเชิงรุก เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กและเยาวชนที่ประพฤติตนไม่สมควร โดยมีกิจกรรมให้นั่งสมาธิและขัดเกลาจิตใจโดยให้พระสงฆ์มาอบรมจริยธรรมให้มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติตนให้อยู่ในศีลธรรม โดยตระหนักและรู้คุณค่าในคุณธรรม จริยธรรมพร้อมทั้งให้กล่าวคำปฏิญาณตน นอกจากนี้ จะเปิดวิดีโอเพื่อให้ตระหนักและสำนึกผิด อาทิวิดีโอตอนแม่คลอดลูก เพื่อให้สำนึกว่า พ่อแม่ทำงานหาเงินหามรุ่งหามค่ำด้วยความยากลำบาก เพื่อส่งเสียให้ลูกเรียนหนังสือ และหลังจากเสร็จสิ้นโครงการจะเชิญผู้ปกครองและอาจารย์มารับตัวเด็กกลับ โดยจะให้เด็กนำพวงมาลัยมากราบไหว้พ่อแม่เพื่อขอขมาในสิ่งที่ตัวเองทำไปก่อนจะปล่อยตัวกลับบ้านด้วยพ.ต.อ.วิวัฒน์กล่าว พ.ต.อ.วิวัฒน์กล่าวด้วยว่า จากการสำรวจพบว่าเด็กนักเรียนที่เคยเข้าอบรมในโครงการโรงพักวิถีพุทธ ไม่พบว่ากลับมากระทำผิดหนีเรียนอีก ทั้งนี้ ในอดีตหน่วยที่คอยตรวจตราพฤติกรรมนักเรียนหนีเรียนคือสารวัตรนักเรียนแต่ปัจจุบันสารวัตรนักเรียนไม่มีแล้ว เปลี่ยนมาเป็นหน่วยเสมารักษ์ ศธ.แทน แต่ก็ยังทำหน้าที่เหมือนกับสารวัตรนักเรียน โดยร่วมมือกับทางกก.ดส. ทำให้มีการเข้มงวดกวดขันจับกุมเด็กโดดเรียนมากขึ้น ซึ่งจากสถิติพบว่าเด็กนักเรียนโดดเรียนน้อยลงตามลำดับ ด้านนายอุดม บุตตะ หัวหน้าศูนย์เสมารักษ์ศธ. กล่าวว่า จากสถิติการหนีเรียนจะพบมากที่สุดในช่วงเริ่มต้นของการเปิดภาคเรียนในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ และช่วงใกล้จะปิดเทอมเดือนสิงหาคม-กันยายน ซึ่งจากสถิติตั้งแต่เดือนตุลาคม 2554 จนถึงเดือนกันยายนปีนี้ พบว่ามีนักเรียนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลหนีเรียนจำนวน 600 คน แบ่งเป็นหนีเรียนไปเล่นเกม211 คน, ดื่มสุรา สูบบุหรี่และก่อความเดือดร้อนรำคาญ 256 คน, ทะเลาะวิวาท 108 คนและชู้สาว 25 คน อย่างไรก็ตาม จำนวนนักเรียนหนีเรียนที่มีการรายงานเข้ามาอาจเป็นจำนวนน้อยกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจริงอยู่มากเพราะต้องยอมรับว่าทางศูนย์เสมารักษ์ไม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง เนื่องจากปัจจุบันทางศูนย์ฯมีบุคลากรเพียง 5 คนเท่านั้น นายอุดมกล่าวต่อว่า ปัญหารุนแรงมากในขณะนี้คือเด็กหนีเรียนไปร้านเกม และกลายเป็นต้นตอของปัญหาอื่นๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทะเลาะวิวาท ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ โดยเฉพาะเวลานี้พบว่ามีเรื่องยาเสพติดเข้าไปเกี่ยวข้องในร้านเกมด้วย รวมทั้งยังพบว่าบางร้านเปิดหนังโป๊ให้เด็กดู เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจ ทางร้านก็จะให้ที่หลบซ่อนกับเด็ก นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องชู้สาว ส่วนใหญ่จะพบตามห้างสรรพสินค้า ตู้คาราโอเกะ และสวนสาธารณะ ซึ่งทางศูนย์เสมารักษ์ ศธ.ทำได้เพียงเข้าไปตรวจสอบ และหากพบว่ามีการมั่วสุมก็จะดึงตัวเด็กออกมา ให้คำแนะนำ คาดโทษเด็กและส่งกลับโรงเรียนเท่านั้น ไม่สามารถไปจัดการอะไรกับร้านเกมที่ทำผิดกฎหมายได้เพราะอำนาจกำกับดูแลอยู่ที่กระทรวงวัฒนธรรม หากจะให้ดีควรให้ ศธ.มีอำนาจจัดการกับร้านเกมที่ทำผิด โดย ศธ.น่าจะมีกฎหมายควบคุมร้านเกมและคอมพิวเตอร์ของตัวเอง เพื่อจะได้ปราบปรามได้อย่างจริงจัง นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัด ศธ. กล่าวว่า ได้ขอให้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.)ทำการวิจัยแนวทางการเรียนการสอนที่ทำให้เด็กเกิดความสนุกในการเรียน โดยทำขึ้นมาเป็นโมเดลสำหรับโรงเรียนเอกชนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.)และจะนำมาทดลองใช้ในปีการศึกษา 2556 โดยเบื้องต้นจะจัดอบรมวิธีการสอนให้กับครู เพราะถ้าครูสอนสนุกเด็กก็จะสนุกไปด้วย เชื่อว่าแนวทางดังกล่าวจะช่วยแก้ปัญหานักเรียนหนีเรียนในระยะยาวได้ และจะทำให้ตั้งใจเรียนมากขึ้นด้วย วันเดียวกัน นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ ศธ. ให้สัมภาษณ์ มติชน ถึงการขับเคลื่อนนโยบายของ ศธ. เรื่องการผลักดันการปฏิรูปเพื่อให้มีรัฐธรรมนูญของประชาชน ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลว่า ได้เรียกหน่วยงานใน ศธ.มาเสนอรายละเอียดเรื่องการปลูกฝังและรณรงค์ประชาธิปไตยในสถานศึกษาแล้ว ซึ่งจะต้องมีการปฏิรูปหลักสูตรการเรียนในทุกระดับชั้นและปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อปรับให้เข้าไปอยู่ในวิถีชีวิต และต้องปลูกฝังในทุกๆ วัน เช่น เมื่ออยู่ในห้องเรียน หรือในการเรียนวิชาต่างๆ จะต้องให้เด็กรับฟังและเคารพความคิดเห็นของคนอื่น หากไม่เห็นด้วยก็อย่าดูถูก เหยียดหยามและต้องแสดงออกอย่างสันติวิธี หากมีความเห็นที่ไม่ตรงกันจะทำอย่างไรให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติทั้งนี้ จะระดมความคิดเห็นต่างๆ และเลือกแนวทางการปลูกฝังที่ดีที่สุดให้เกิดความหลากหลาย เพื่อนำมาปฏิบัติ นายพงศ์เทพกล่าวต่อว่า หลักสูตรดังกล่าวจะเป็นหลักสูตรเพื่อปลูกฝังคนรุ่นใหม่ตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงระดับอุดมศึกษา เพื่อให้ซึมซับต่อไปเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ หากปลูกฝังอย่างต่อเนื่องจะเป็นเรื่องที่ดี เพราะการปลูกฝังและเปลี่ยนแปลงในวัยผู้ใหญ่คงยาก ส่วนกรณีการก่อตั้งโรงเรียนการเมืองของทั้งกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)และโรงเรียนการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) คงไม่เป็นอุปสรรคในการปฏิรูป เพราะไม่เกี่ยวข้องกัน ทั้งนี้ ในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) สัปดาห์หน้าจะเสนอแต่งตั้งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการ ศธ. เพื่อมาดูแลการตั้งคณะกรรมการรับผิดชอบการปฏิรูปหลักสูตร โดยจะเชิญบุคคลในแวดวงต่างๆ มาร่วมเป็นกรรมการเพื่อศึกษาและถ่ายทอดไปสู่สถานศึกษาต่างๆ ด้านนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่ายังไม่ได้หารือรายละเอียดเรื่องดังกล่าว แต่การปรับหลักสูตรการเรียนการสอนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีการส่งเสริมวิชาหน้าที่พลเมือง ศีลธรรม และกระบวนการประชาธิปไตยอยู่ด้วย โดยจะไปอยู่ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ซึ่งการส่งเสริมในเรื่องประชาธิปไตยจะต้องเน้นไปสู่การปฏิบัติจริง อย่างไรก็ตาม สพฐ.จะวิเคราะห์ข้อมูลในเรื่องนี้ก่อนว่า หน้าที่พลเมือง การมีส่วนร่วมทางประชาธิปไตย และจิตสาธารณะ จะทำอย่างไรเพื่อจะได้นำเสนอและหารือกับรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ต่อไป
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน |
โพสเมื่อ :
12 พ.ย. 55
อ่าน 1101 ครั้ง คำค้นหา :
|
|
ข่าวอื่นน่าสนใจ
|